แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 15
151
ทำ SEO ติด Google / วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
« เมื่อ: เมษายน 14, 2024, 01:24:52 am »
วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
ขยาย RAM เพิ่มได้ถึง 8GB ทำให้การสลับไปมาระหว่างแอปราบรื่น
ความจุขนาดใหญ่ 256GB
แบตเตอรี่ 5000mAh พร้อมกับ FlashCharge ใช้งานได้นานขึ้น
MediaTek Dimensity 6020 อันทรงพลังของเราช่วยให้การทำงานราบรื่น


รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB)
   ราคากลาง              8,999 บาท
   จำนวนซิม               2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์              จอสัมผัส
   สี                         Black(Mystic Black), Green(Crystal Green)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(B2/3/5/8)
3G(B1/2/4/5/8)
4G(B1/2/3/4/5/7/8/20/28)
5G(n1/3/5/7/8/28/38/40/41/77/78)

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 164.06 x กว้าง 76.17 x หนา 7.98 มม., น้ำหนัก 190 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)  256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด    Micro SD
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ      ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                         จอสัมผัส (LCD)
   ความละเอียด                  6.64 นิ้ว, 2,388 x 1,080 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                            Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Dimensity 6020
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Mali-G57 MC2
   หน่วยความจำ (RAM)              8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก              USB(Type-C), Bluetooth(5.0), Wi-Fi(2.4 GHz/5 GHz)
   ระบบรับส่งข้อความ                  -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต           3G, WiFi, 4G, 5G

วีโว่ vivo Y36 5G (2023) (8GB/256GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/vivo/

152
ชมภาพคันจริง All-new Mitsubishi TRITON 2024 รุ่นตัวถัง Single Cab (ตอนเดี่ยว) ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งตรงจากงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าย 699,000 - 749,000 บาท

   
ปัจจุบัน All-new Mitsubishi TRITON 2024 รุ่น Single Cab มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.4 PRO 4WD และ 2.4 PRO 4WD AT โดยมีราคาจำหน่ายแต่ละรุ่นย่อย ดังนี้

    รุ่น 2.4 PRO 4WD ราคา 699,000 บาท
    รุ่น 2.4 PRO 4WD AT ราคา 749,000 บาท

     มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024 รุ่น ซิงเกิลแค็บ ทั้ง 2 รุ่นย่อย ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ Hyper Power ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,250 - 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Auto Stop & Go เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งสองรุ่นย่อย

     ทั้งคู่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Easy Select 4WD สามารถปรับโหมดการขับเคลื่อนได้ 3 โหมด ประกอบด้วย 2H (ขับเคลื่อนล้อหลัง), 4H (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4L (สำหรับการขับขี่อัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อม Diff-lock ที่เฟืองท้าย และ Active Limited Slip (Brake Control Type)

     อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกทั้ง 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ฮาโลเจน, ไฟท้ายแบบมาตรฐาน, กระจังหน้าสีดำพร้อมสัญลักษณ์ MITSUBISHI, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า, ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา, ขอเกี่ยวขอบกระบะด้านนอกตัวถัง, ยางกันโคลนที่ซุ้มล้อหน้า-หลัง, แผ่นกันกระแทกด้านล่าง และล้อกระทะขนาด 16 นิ้ว

     ภายในห้องโดยสารเบาะนั่งหุ้มวัสดุไวนิล, พวงมาลัยและหัวเกียร์ทำจากวัสดุยูรีเทน, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง, กระจกหน้าต่างไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติฝั่งผู้ขับขี่, ระบบปรับอากาศแบบมาตรฐาน, เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, ลำโพง 2 ตำแหน่ง, ช่องจ่ายไฟ USB-A 1 ตำแหน่ง และ USB-C Fast Charge 1 ตำแหน่ง เป็นต้น

ด้านระบบความปลอดภัยถูกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual SRS Airbag, ถุงลมนิรภัยหัวเข่าด้านคนขับ, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC, ระบบควบคุมการลื่นไถล TCL, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก, ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, ระบบเบรก ABS/EBD/BA และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX พร้อมที่เกี่ยวเบาะนั่งด้านผู้โดยสารด้านหน้า

     
ตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Solid White, สีเงิน Blade Silver, สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica


Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi TRITON 2024 รุ่น Single Cab ราคาเริ่มต้น 699,000 บาท อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

153
เอสแอลอี เป็นชื่อเรียกทับศัพท์ของอักษรย่อในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคำเต็มว่า systemic lupus erythematosus

โรคนี้มักจะมีความผิดปกติของอวัยวะได้หลายระบบ (เช่น ผิวหนัง ข้อกระดูก ไต ปอด หัวใจ เลือด สมอง เป็นต้น) พร้อม ๆ กัน และอาจมีความรุนแรงทำให้พิการหรือตายได้

โรคนี้พบประปรายได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในช่วงอายุ 20-45 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 10 เท่า


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองอย่างผิดปกติต่อเชื้อโรคหรือสารเคมีบางอย่าง ทำให้มีการสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเนื้อเยื่อต่าง ๆ จึงจัดเป็นโรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune) เช่นเดียวกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

บางครั้งอาจพบมีสาเหตุกระตุ้นให้อาการกำเริบ เช่น ยาบางชนิด (เช่น ซัลฟา ไฮดราลาซีน เมทิลโดพา โปรเคนเอไมด์ ไอเอ็นเอช คลอร์โพรมาซีน ควินิดีน เฟนิโทอิน ไทโอยูราซิล) การถูกแดด การกระทบกระเทือนทางจิตใจ การตั้งครรภ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง (เนื่องจากพบมากในหญิงวัยหลังมีประจำเดือน และก่อนวัยหมดประจำเดือน) และกรรมพันธุ์ (พบมากในคนที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้)


อาการ

ที่พบได้บ่อยคือ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดเมื่อยตามตัว ปวดและบวมตามข้อต่าง ๆ ซึ่งโดยมากจะเป็นตามข้อเล็ก ๆ (เช่น ข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า) ทั้ง 2 ข้างคล้าย ๆ กับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (แต่ต่างกันที่ไม่มีลักษณะหงิกงอ ข้อพิการ) ทำให้กำมือลำบาก

อาการเหล่านี้จะค่อยเป็นค่อยไปเป็นแรมเดือน

นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมักจะมีผื่นหรือฝ้าแดงขึ้นที่ข้างจมูกทั้ง 2 ข้าง ทำให้มีลักษณะเหมือนปีกผีเสื้อ เรียกว่า ผื่นปีกผีเสื้อ (butterfly rash)

บางรายมีอาการแพ้แดด คือ เวลาไปถูกแดด ผิวหนังจะมีผื่นแดงเกิดขึ้น และผื่นแดงที่ข้างจมูก (ผื่นปีกผีเสื้อ) จะเกิดขึ้นชัดเจน อาการไข้และปวดข้อจะเป็นรุนแรงขึ้น

บางรายอาจมีจุดแดง (petechiae) หรือมีประจำเดือนมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นอาการระยะแรกของโรคนี้ก่อนมีอาการอื่น ๆ ให้เห็นชัดเจน บางครั้งแพทย์อาจวินิจฉัยว่าเป็นไอทีพี

บางรายอาจมีอาการหูอื้อ หูตึง ผมร่วงมาก มีจ้ำแดง ๆ ขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือนิ้วเท้าซีดขาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเวลาถูกความเย็น (Raynaud’s phenomenon) หรือมีภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลาย

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจมีอาการบวมทั้งตัว (จากไตอักเสบ) หายใจหอบ (จากปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด หรือหัวใจวาย) ชีพจรเต้นเร็วหรือไม่เป็นจังหวะ (จากหัวใจอักเสบ)

ในรายที่มีการอักเสบของหลอดเลือดในสมอง อาจทำให้มีอาการทางประสาท เช่น เสียสติ ซึม เพ้อ ประสาทหลอน แขนขาอ่อนแรง ตาเหล่ ชัก หมดสติ และอาจตายภายใน 3-4 สัปดาห์

ส่วนมากจะมีอาการกำเริบ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นปี ๆ


ภาวะแทรกซ้อน

อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่าง ๆ อาทิ

    ไต เช่น ไตอักเสบ ไตวาย
    ปอด เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดอักเสบ เลือดออกในปอด ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion)
    หัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardial effusion) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจวาย
    เลือดและหลอดเลือด เช่น โลหิตจาง เลือดออกง่าย หลอดเลือดอักเสบ ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง
    สมองและระบบประสาท เช่น สมองอักเสบ (ทำให้มีอาการชัก สับสน โรคจิต) โรคลมอัมพาต (สโตร๊ก) จากลิ่มเลือดอุดตันในสมอง ความจำเสื่อม ภาวะซึมเศร้า ไขสันหลังอักเสบ
    กระดูก เช่น กระดูกพรุน กระดูกหัก ซึ่งเป็นแทรกซ้อนจากตัวโรคเองและการใช้ยาสเตียรอยด์ในการรักษา
    การติดเชื้อ เช่น โรคติดเชื้อของผิวหนัง ทางเดินหายใจ และทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำจากตัวโรคและการใช้ยากดภูมิคุ้มกันในการรักษา
    มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ผู้ที่เป็นโรคนี้ยังอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าคนทั่วไป
    หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคนี้ อาจมีอาการกำเริบมากขึ้น และเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ภาวะครรภ์เป็นพิษ ทารกคลอดก่อนกำหนด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย ในระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ระยะต่อมาจะพบไข้ ผื่นปีกผีเสื้อที่แก้ม ข้อนิ้วมือนิ้วเท้าบวมแดง ผมร่วงผมบาง อาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองโต ตับ ม้ามโต

นอกจากนี้อาจพบอาการอื่น ๆ เช่น จุดแดงจ้ำเขียวตามตัว ลมพิษ ภาวะซีด ตาเหลือง (ดีซ่าน) บวม ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ หายใจหอบเร็ว เป็นต้น

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด อาจพบว่ามีภาวะโลหิตจาง จำนวนเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ค่าอีเอสอาร์ (ESR) สูง พบแอนตินิวเคลียร์แอนติบอดี (antinuclear antibody/ANA)

ตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไต อาจพบว่าผิดปกติ

ตรวจปัสสาวะอาจพบสารไข่ขาวและเม็ดเลือดแดง

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจเอกซเรย์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ

บางรายแพทย์อาจทำการตรวจชิ้นเนื้อผิวหนังและไต


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง (เช่น มีไข้ ปวดข้อ มีผื่นแดงขึ้นที่หน้า) อาจเริ่มให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซิแคม นาโพรเซน) ถ้าไม่ได้ผลอาจให้ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine) เพื่อช่วยลดอาการเหล่านี้

ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะให้สเตียรอยด์ เช่น เพร็ดนิโซโลน ติดต่อกันเป็นสัปดาห์หรือหลายเดือน เพื่อลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ เมื่อดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลดยาลง และให้ในขนาดต่ำควบคุมอาการไปเรื่อย ๆ อาจนานเป็นแรมปี หรือจนกว่าจะเห็นว่าปลอดภัย ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องให้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น เมโทเทรกเซต (methotrexate), ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide), อะซาไทโอพรีน (azathioprine), ไมโคฟีโนเลตโมเฟทิ (mycophenolate mofeti) เป็นต้น บางรายที่ดื้อต่อยากลุ่มอื่น แพทย์อาจให้ยากลุ่มใหม่ เช่น ไรทูซิแมบ (rituximab), เบลิมูแมบ (belimumab)

นอกจากนี้ อาจให้ยารักษาตามอาการและภาวะที่พบ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาบำรุงโลหิต (ถ้าซีด) ยาปฏิชีวนะ (ถ้ามีการติดเชื้อ) เป็นต้น

ผลการรักษา ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและตัวผู้ป่วย บางรายอาจมีโรคแทรกซ้อน และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาไม่นาน

บางรายอาจมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว ถ้าผู้ป่วยสามารถมีชีวิตรอดจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้เกิน 5 ปี โรคก็จะไม่กำเริบรุนแรง และค่อย ๆ สงบไปได้ นาน ๆ ครั้งอาจมีอาการกำเริบ แต่อาการมักจะไม่รุนแรง และผู้ป่วยสามารถมีชีวิตเยี่ยงคนปกติได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรัง (นานเกิน 7 วัน) ปวดบวมตามข้อนิ้วมือและกำมือลำบาก มีผื่นหรือฝ้าแดงที่ข้างจมูก จุดแดงตามผิวหนัง หน้าตาซีด เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเอสแอลอี ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

3. ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น สวดมนต์ ไหว้พระ ทำสมาธิ ฝึกโยคะ รำมวยจีน เป็นต้น
    หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เป็นต้น ควรออกกำลังแต่พอประมาณ อย่าให้หนักเกินไป
    บำรุงร่างกายด้วยอาหารสุขภาพ กินอาหารครบ 5 หมู่อย่างถูกสัดส่วนตามหลักธงโภชนาการ
    หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดด เพราะจะกระตุ้นให้ผื่นที่ผิวหนังกำเริบมากขึ้น ถ้าจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ควรกางร่ม สวมหมวก หรือใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
    งดบุหรี่ เพื่อสุขภาพและป้องกันโรคแทรกซ้อนทางปอด หัวใจและหลอดเลือด
    งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน และการมีปฏิกิริยากับยาที่รักษา
    ถ้ามีโอกาส ควรเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มมิตรภาพบำบัดสำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคนี้ เพื่อเรียนรู้และดูแลช่วยเหลือ เสริมกำลังใจกัน
    ผู้ป่วยมักมีภูมิคุ้มกันต่ำ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ เช่น อย่ากินอาหารหรือน้ำดื่มที่ไม่สะอาด อย่าเข้าใกล้คนที่ไม่สบาย อย่าเข้าไปในที่ที่มีคนแออัด เป็นต้น
    หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง เพราะอาจมีผลทำให้โรคกำเริบ หรือเกิดปฏิกิริยาด้านลบกับยาที่ใช้รักษาอยู่ก่อน
    สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ ควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้โรคกำเริบมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ป่วยและทารกในครรภ์ได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการคุมกำเนิด จนกว่าโรคเข้าสู่ระยะสงบ และแพทย์เห็นว่าสามารถตั้งครรภ์ได้

4. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้สูง ปวดท้องมาก ท้องเดินมาก อาเจียนมาก เจ็บหน้าอก บวม หน้าตาซีด อ่อนเพลีย แขนขาชาหรืออ่อนแรง เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ควรหาทางป้องกันไม่ให้โรคกลายเป็นรุนแรงด้วยการดูแลรักษากับแพทย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้สามารถแสดงอาการได้หลายแบบ เช่น มีไข้เรื้อรังคล้ายมาลาเรีย เอดส์ วัณโรค มีจุดแดงขึ้นคล้ายไอทีพี บวมคล้ายโรคไตเนโฟรติก ชักหรือหมดสติคล้ายสมองอักเสบ เสียสติ เพ้อคลั่งคล้ายคนวิกลจริต เป็นต้น ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นอาการของระบบใดโดยไม่ทราบสาเหตุควรนึกถึงโรคนี้ไว้เสมอ

2. โรคนี้ถึงแม้จะมีความรุนแรง แต่ถ้าติดต่อรักษากับแพทย์เป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อน และมีชีวิตยืนยาวได้


หมอประจำบ้าน: เอสแอลอี (SLE) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com

154
โรคเบาหวาน หนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้หลากหลาย หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ ไตเสื่อม ไตวาย

หลายคนเข้าใจว่าเพราะป่วยเป็นเบาหวานแล้วต้องกินยาเยอะมาก ทำให้ไตมีปัญหา จึงกลัวการกินยา หยุดยาเอง ไม่กินยา ผลก็คืออาการเบาหวานแย่ลง และยิ่งทำให้การรักษายุ่งยากซับซ้อนขึ้นมาก บทความนี้ พญ.ศศิภัสช์ ช้อนทอง แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม หรือ หมอจิ๊ง จะมาแนะนำข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อการดูแลร่างกาย และรับมือกับโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 
ไตวาย เพราะโรคเบาหวาน จริงหรือ ?

สิ่งแรกที่ควรเข้าใจให้ถูกต้อง คือ ไตวาย ไตเสื่อม หรือ โรคไตเรื้อรัง มาจากลักษณะการดำเนินโรคของโรคเบาหวาน ไม่ใช่ยาเบาหวาน โดยโรคเบาหวานนั้นมีอาการตรงตามชื่อ คือ มีน้ำตาลปนออกมากับปัสสาวะ จากภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง (มากกว่า 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร)

“ในคนทั่วไป หากกลไกการทำงานของหน่วยไตเป็นปกติ ร่างกายจะสามารถดูดเอาน้ำตาลกลับไปทางหน่วยไต ไม่ได้ปะปนมากับปัสสาวะ แต่ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไม่ว่าจะมาจากร่างกายขาดอินซูลิน หรือมีภาวะดื้ออินซูลินก็ตาม ทำให้การดูดซึมน้ำตาลของไตไม่มีประสิทธิภาพ น้ำตาลบางส่วนถูกปล่อยออกมา”

“เหตุผลที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้การทำงานของไตผิดปกติ มาจากน้ำตาลในเลือดก่อให้เกิดภาวะอักเสบ โดยเฉพาะในหลอดเลือด พออักเสบ เกิดแผล ร่างกายก็จะพยายามสมานแผล เกิดเป็นหินปูนหรือคราบตะกรันต่าง ๆ มาเกาะตามผนังหลอดเลือด เส้นเลือดจึงมีปัญหา รวมไปถึงเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กที่ไปที่ไต พอเส้นเลือดมีปัญหา ตีบแคบ เกิดความดันภายในหลอดเลือดเหล่านั้น ก็ส่งผลต่อหน่วยไต ช่วงแรกไตอาจยังทำงานได้ตามปกติ แต่จะมีโปรตีนรั่วออกมากับปัสสาวะ และเมื่อไตต้องทำงานหนัก ทำงานเยอะกว่าปกติ อาจส่งผลให้ไตวาย หรือไตเสื่อมได้นั่นเอง”

หากมีโปรตีนรั่วมากับปัสสาวะไปสักระยะหนึ่ง จะทำให้เกิดการตายของหน่วยไต และเซลล์ที่อยู่บริเวณหน่วยไต ทำให้การทำงานในการกรองของเสียออกทางปัสสาวะลดลง จึงเกิดเป็น ภาวะเบาหวานลงไต


เมื่อใคร ๆ ก็โทษยาเบาหวาน

เมื่อป่วยเป็นเบาหวาน และมีภาวะไตเสื่อม ไตวาย บางครั้งแพทย์จำเป็นต้องเปลี่ยนยารับประทาน ในยาบางชนิดต้องขับออกทางไต หลายคนจึงมักเข้าใจว่าเป็นเพราะยาโรคเบาหวานที่เป็นตัวการให้ไตเสื่อม แต่ความจริงแล้ว ยาโรคเบาหวานนั้น มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคไตด้วยซ้ำ

“ที่แพทย์ต้องปรับยา เพราะว่ายาบางชนิดขับออกทางไต เวลาผู้ป่วยมีภาวะไตเสื่อม การทำงานของไตจะลดลงจากภาวะเบาหวานที่คุมไม่ได้ ทำให้ผู้ป่วยจะได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยานั้น ๆ เยอะกว่าปกติ เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ เลือดเป็นกรด สรุปแล้ว ที่เปลี่ยนยาไม่ใช่เพราะกลัวว่ากินเข้าไปแล้วทำให้ไตวาย แต่กลัวว่าการที่ไตทำงานได้ไม่ดี จะทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยาเยอะขึ้นค่ะ”

ตามหลักแล้ว ยาเบาหวาน ไม่ได้ทำร้ายไต เนื่องจากยาออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ในระยะยาวจะช่วยลดโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง ป้องกันความดันไปทำให้เกิดปัญหากับไตได้

ในปัจจุบัน มียากลุ่มใหม่ ๆ ที่มีงานศึกษาวิจัย พบว่าช่วยป้องกันการเกิดภาวะไตเสื่อมได้ ได้แก่ ยากลุ่ม SGLT2 inhibitor มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ขับกลูโคสออกทางไต ทำให้เส้นเลือดที่วิ่งไปยังไตหดตัว จึงไม่ทำให้ความดันโลหิตส่งผลเสียต่อไต และปกป้องไม่ให้ไตเสื่อม

“ในระยะยาว มีการศึกษาในผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้ พบว่านอกจากจะลดน้ำตาลในเลือดได้แล้ว ยังทำให้ภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะดีขึ้นด้วย นอกจากยากลุ่มที่กล่าวไปข้างต้น ยังมียากลุ่มอื่นอีก เช่น GLP-1 agonists ซึ่งเป็นยาเบาหวานกลุ่มใหม่ที่สามารถลดภาวะโปรตีนรั่วได้เช่นกัน”

“ยาทั้งสองกลุ่มตอนนี้ราคาจะค่อนข้างสูง มีการเบิกจ่ายตามกรมบัญชีกลาง มีข้อบ่งชี้ในการพิจารณาจ่ายยาให้กับผู้ป่วยกลุ่มที่มีภาวะไตเสื่อม และภาวะโปรตีนรั่ว อีกทั้งยังใช้ได้ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ป่วยที่มีปัญหาน้ำท่วมปอด ในยากลุ่ม GPL-1 agonists ยังสามารถใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดสมองตีบอีกด้วย”

ถึงแม้ยาเบาหวาน จะไม่ใช่ยากลุ่มที่ส่งผลต่อการทำงานของไตอย่างที่เข้าใจ แต่ก็มียาบางกลุ่มที่ส่งผลต่อไต แต่หลายคนอาจมองข้าม และชอบซื้อมารับประทานเอง อาทิ ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs ยาปฏิชีวนะบางชนิด รวมไปถึงยาหม้อ ยาต้ม ยาลูกกลอน ยาสมุนไพร บางครั้งยาเหล่านี้มักก่อให้เกิดปัญหากับไตโดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ


เมื่อผู้ป่วยหยุดยาเอง ความยากจึงบังเกิด

“มีคนไข้เยอะเลยที่หยุดยาเองเพราะคิดว่ากินยาเบาหวานแล้วทำให้เป็นโรคไต หมอเองก็ต้องคอยปรับความเข้าใจกับคนไข้ ว่าที่ไตแย่ลง เพราะไม่ยอมกินยา ไม่คุมเบาหวาน ไม่ใช่ไตแย่ลงเพราะกินยา”

หลังจากผู้ป่วยเบาหวานหยุดยาเอง ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น และมักจะมาด้วยอาการปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด เหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง เพราะร่างกายเอาน้ำตาลส่วนเกินไปใช้ไม่ได้เลย อินซูลินไม่ดึงเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน

“มีบางคนที่อยากน้ำหนักลด จึงปล่อยให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงค่ะ ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เรียกว่าอันตรายเลย หากน้ำตาลในเลือดสูงมาก เลือดก็เป็นกรด ระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ ก่อให้เกิดอาการซึม สับสน ขาดน้ำ และไตวาย”


    อันตรายที่เกิดกับดวงตา

อย่างที่เข้าใจ ว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก่อให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดต่าง ๆ จอประสาทตาเองก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีหลอดเลือดขนาดเล็กไปเลี้ยง เมื่อหลอดเลือดเหล่านี้มีปัญหา จอประสาทตาจึงเสื่อม การมองเห็นค่อย ๆ ลดลง บางครั้งอาจมีอาการเฉียบพลัน มองไม่เห็นไปเลย แต่โดยส่วนมากจะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ผู้ป่วยรู้ตัวอีกที จอประสาทตาก็เสื่อม มีเลือดออกในวุ้นลูกตา หรือตาบอดไปแล้ว


    ชาปลายมือปลายเท้า

ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เส้นประสาทส่วนปลายมีปัญหา จึงเกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า บางราย จะมีอาการที่เชื่อมโยงกับเส้นประสาทอัตโนมัติร่วมด้วย เช่น ใจสั่น หน้ามืดบ่อย เวียนศีรษะบ่อย บ้างเหงื่อออกผิดปกติ บ้างไม่มีเหงื่อ ขนร่วง มือเท้าเย็น


    หลอดเลือดใหญ่อักเสบ

หลอดเลือดใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันดี คือ หลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดสมอง หากมีอาการอักเสบจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็อาจทำให้เกิดอาการหลอดเลือดตีบ และถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หลอดเลือดหัวใจจะมีโอกาสตีบสูงมาก ส่วนหลอดเลือดสมอง หากตีบก็อาจเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตได้

วลี ‘หวานตัดขา’ มีที่มา

อีกหนึ่งผลกระทบที่มาจากความเสียหายของหลอดเลือด คือ ขา เพราะเมื่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณปลายมือปลายเท้าตีบ อาจทำให้มีอาการเดินแล้วปวดขา ยกขาขึ้นสูงก็จะยิ่งปวด เนื่องจากเลือดลงไปเลี้ยงได้ไม่ดี

“บางคนมีแผลแล้วไม่รู้ตัว ตรงนี้เกิดจากเส้นประสาทที่ผิดปกติ ได้รับความเสียหายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเช่นกัน อีกทั้งน้ำตาลยังทำให้ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ติดเชื้อง่าย พอเป็นแผลแล้วก็จะหายยาก พอเป็นแผลแล้วไม่รู้ตัวก็ปล่อยลาม หลอดเลือดตีบทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่พอ พอขาดเลือด แผลขยาย ยิ่งติดเชื้อเข้าไปใหญ่ รู้ตัวอีกที ต้องถูกตัดเท้าแล้ว”


เหตุผลที่ทำให้คนคุมเบาหวานไม่ได้

“ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาด้วยอาการจากโรคเบาหวานที่คุมไม่อยู่ เพราะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานค่ะ” หมอจิ๊งตอบคำถามนี้ได้อย่างน่าสนใจ เนื่องจากคนไม่รู้ จึงไม่ได้คุม เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ตอนมีอาการแทรกซ้อนแล้ว

“บางครั้งผู้ป่วยก็รู้ตัวว่ามีภาวะผิดปกติอะไรบางอย่าง เพียงแต่บางคนอดทน คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก บางคนเชื่อว่าไม่ตรวจก็ไม่เจอ กลัวการตรวจสุขภาพ หรือบางคนก็เพราะละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี จึงไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพร่างกายมันเปลี่ยนไปแค่ไหนแล้ว มีความผิดปกติอะไรแสดงออกมาไหม”

ความจริงแล้ว โรคเบาหวาน อาจไม่มีอาการที่บ่งบอกว่าเป็นเลย กว่าจะตรวจเจอเพราะเกิดความปกติ ก็อาจจะมีพยาธิสภาพของโรคเกิดขึ้นมาก่อนหน้ากว่า 10 ปีแล้ว การละเลยการตรวจสุขภาพประจำปีจึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้กว่าจะรู้ตัว การดำเนินของโรคก็สร้างความเสียหายให้กับร่างกายไปมากแล้วนั่นเอง

นอกจากนี้ ยาสมุนไพรบางอย่าง อาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ กินแล้วรู้สึกกระชุ่มกระชวย ผิวพรรณดี เปล่งปลั่ง หายปวดเมื่อย เจริญอาหาร เหมือนยาครอบจักรวาล พอหยุดกินจะอ่อนเพลียทันที ยาเหล่านี้หากกินต่อเนื่องในระยะยาวจะทำให้ระดับน้ำตาลใน
เลือดสูง ความดันโลหิตสูง และไตวายได้

“ปัญหาอีกอย่างที่แก้ไม่ตก คือ พฤติกรรมการกินของผู้ป่วย เพราะลักษณะของโรคเบาหวาน คือ มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ร่างกายของผู้ป่วยเอาไปใช้ไม่ได้ เลยทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลและพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้อยากกินของหวาน ๆ แล้วไปแอบกิน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานคุมน้ำตาลไม่ได้ เพราะน้ำตาลเกิน แต่อวัยวะต่าง ๆ มีภาวะขาดน้ำตาล”

ทำไมต้องกินยา ต้องคุมน้ำตาล

ระดับน้ำตาลในเลือดสูง นอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด นำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลเป็นพิษ ซึ่งไปทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินน้อยลง หรือทำงานได้ไม่ดี พออินซูลินเอาน้ำตาลเข้าเซลล์ไม่ได้ น้ำตาลก็ค้างอยู่ในเลือด ก็ยิ่งทำให้การอักเสบและการดำเนินโรคแย่ขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นการกินยา หรือควบคุมอาหาร เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในภาวะปกติ ตับอ่อนก็จะกลับมาทำงานได้มากขึ้น เพราะภาวะน้ำตาลเป็นพิษลดลงนั่นเอง

“จุดประสงค์ของการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน คือ ทำยังไงก็ได้ให้การนำน้ำตาลไปใช้ในร่างกาย ใกล้เคียงปกติให้มากที่สุด”
เมื่อรู้ว่าเป็นเบาหวาน ควรตรวจสุขภาพอย่างละเอียด


“สิ่งสำคัญจริง ๆ คือ ควรรู้ว่าตัวเองเป็นเบาหวานให้เร็ว และเข้าถึงการรักษาให้เร็วที่สุด”

คุณหมอจิ๊ง แนะนำว่า เมื่อรู้ว่าป่วยเป็นโรคเบาหวาน ควรตรวจภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ประเมินระยะของโรค ระดับน้ำตาลในเลือดสะสม รวมไปถึงเช็กว่ามีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่

ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจวัดระดับไขมันในเลือด ความดันโลหิต ตรวจการทำงานของไตและตับ ตรวจจอประสาทตา รวมไปถึงตรวจร่างกายอย่างละเอียดว่ามีภาวะเส้นเลือดสมองตีบอยู่ไหม มีอาการบางอย่างที่บอกว่าอาจมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบแล้วไม่รู้มาก่อนหรือไม่ ที่ขาดไม่ได้คือการตรวจเท้า ว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นแผลเบาหวานมากแค่ไหน

“สิ่งที่สำคัญแต่หลายคนมองข้ามคือการฉีดวัคซีน ผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง จะติดเชื้อง่าย ติดเชื้อนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะเป็นหนักกว่าคนอื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ”

“โรคที่ว่ามามีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ เมื่อติดเชื้อก็จะช่วยให้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือไม่ทำให้มีอาการหนักจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจได้ โดยวัคซีนที่แนะนำคือ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ฉีดปีละครั้ง กับวัคซีนปอดอักเสบฉีดห้าปีครั้ง”
การรักษาที่เหมาะสม ช่วยได้

ในผู้ป่วยเบาหวาน แพทย์จะประเมินตามอาการแสดงและระยะของโรคเป็นรายบุคคล ประกอบกับดูภาวะแทรกซ้อน เช่น หากมีภาวะโปรตีนรั่ว จะเลือกยาชนิดที่ช่วยป้องกันโปรตีนรั่ว ในรายที่มีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบไปแล้ว จะเลือกยาที่ป้องกันการตีบซ้ำ

“หากเพิ่งป่วยเบาหวาน อายุไม่มาก ยิ่งรีบรักษา ยิ่งมีโอกาสที่จะช่วยให้โรคสงบ หยุดยาเบาหวานได้เป็นระยะเวลานาน ตราบใดที่ยังคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ค่ะ”

สิ่งสำคัญที่สุด คือ การตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ดังนี้

    มีดัชนีมวลกายมากกว่า 23 (ภาวะน้ำหนักเกิน)
    มีประวัติครอบครัวป่วยโรคเบาหวาน
    มีอาการต้องสงสัยว่าเป็นโรคเบาหวาน
    เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
    มีภาวะโรคอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง มีเส้นเลือดต่าง ๆ ผิดปกติ เส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบ


โรคไตวายเพราะยาเบาหวาน ความเข้าใจผิดที่ทำให้โรคแย่ลง  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/298

155
การจัดฟันแบบใส ถือเป็นการจัดฟันที่เป็นที่นิยมมาก เพราะการจัดฟันแบบใสมีจุดเด่นมากกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่นๆ การจัดฟันแบบใสมีข้อจำกัดในการรักษาหลายอย่าง ถึงแม้จะเป้นการจัดฟันที่เป็นที่นิยม และมีการนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาใช้ แต่ในเรื่องของข้อจำกัดก็มี และไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ ข้อจกกัดในการรักษาถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องระวังมากเป็นพิเศษ ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาจะต้องบอกข้อมูลอย่างละเอียดแก่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อที่จะช่วยให้ผลการรักษาประสบความสำเร็จ ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษา ซึ่งแผนการรักษาในแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน เพราะมีสภาพฟันและปัญหาที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปากอย่างละเอียด โดยจะดูปัจจัยหลักๆจองการฝังรากฟันเทียม เช่น ดูบริเวณฟันโดยรอบ กระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับช่องปากที่ทันตแพทย์ต้องทำการตรวจ เพราะบางโรคทันตแพทย์อาจจะไม่แนะนำให้จัดฟันแบบใส เพราะจะทำให้เกิดอันตราย หรือบางครั้งในการจัดฟันแบบใสอาจจะไม่มีผลดีต่อช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา

หากผู้ที่จะเข้ารับการรักษาเป็นโรคเหงือกอักเสบ จะต้องทำการปรึกษาทันตแพทย์ผู้เข้ารับการนรักษาก่อนเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งบางกรณีวัสดุที่เป็นในส่วนของเครื่องมือจัดฟัน อาจจะส่งผลต่อผู้เข้ารับการรักษาได้ด้วย ซึ่งวัสดุที่เป็นเครื่องมือการจัดฟัน ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการแพ้ เพราะฉะนั้นถ้าหากมีความผิดปกติ ผู้เข้ารับการรักษาควรเข้าปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาทันที และต้องหยุดใช้เครื่องมือ อาการผิดปกติอาจจะสังเกตได้คือ ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะมีอาการบวมแดง หรืออาการอักเสบ หลังจากใช้เครื่องมือการจัดฟัน หากไม่หยุดใช้อาจจะเกิดผลเสียต่อการรักษาและช่องปากได้


เพราะฉะนั้น หลังจากการเข้ารับการจัดฟัน ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติ และหากมีปัญหาควรรีบปรึกษาทันตแพทย์โดยด่วน การรักษาทางการจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ไร้ลวดเหล็ก ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส แบบถอดได้ ที่จะต้องเปลี่ยนทุก 2 สัปดาห์ ตามลำดับของชิ้นเครื่องมือ โดยเครื่องมือจะออกแบบและผลิตขึ้นมาเฉพาะบุคคล เพราะสภาพฟันของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เป็นเครื่องมือที่ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองปาก และยังสามารถรับประทานอาหาร ทำความสะอาดฟันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดของเครื่องมือ


นอกจากนี้การปฏิบัติตัวขณะการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือการจัดฟัน เพราะด้วยเครื่อวมือที่สามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร และขณะแปรงฟัน อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเผลอลืมใส่เครื่องมือ หากลืมบ่อยๆก็จะส่งผลต่อการรักษาทันที

ในการรับประทานอาหาร ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องถอดเครื่องมือทุกครั้ง เพราะการใส่เครื่องมือจัดฟันและรับประทานอาหารไปด้วย จะส่งผลให้เครื่องมือเกิดความเสียหายได้ รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้อนหรือเย็นก็ควรถอดเครื่องมือ ยิ่งถ้าเป็นเครื่องดื่มที่ร้อน แม้ว่าจะเป็นน้ำร้อนก็ควรจะถอดเครื่องมือ เพราะความร้อนของเครื่องดื่ม อาจจะส่งผลให้เครื่องมือบิดเบี้ยวได้ เพราะฉะนั้นนอกจากการดูแลสุขภาพช่องปาก การดูแลรักษาเครื่องมือก็ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน หากคุณสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์คอยให้คำปรึกษา โดยทีมทันตแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ในการจัดฟันทุกรูปแบบ นอกจากนี้ทางคลีนิคของเรายังมีการบริการทางทันตกรรมที่ครบวงจร มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันและฟันที่ดีขึ้นมากอย่างแน่นอน



อาการของผู้ที่ ไม่สามารถ จัดฟันใส ได้ ! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

156
การดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือเป็นเรื่องที่เราจะต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเราจะต้องใช้งานช่องปากและฟันทุกวัน จึงต้องมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาความสะอาดช่องปากและหันให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคตได้ แต่นอกจากเรื่องของความสะอาดแล้ว ในเรื่องของปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับช่องปากและฟัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลักษณะของฟัน ปัญหาโรคเหงือกต่างๆ ซึ่งปัญหาที่เกี่ยวกับรูปร่างหรือลักษณะของฟันนั้น สามารถแก้ไขได้


เพราะในปัจจุบันวงการทันตกรรมได้มีความก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่มีปัญหาฟันซ้อน ฟันเก หรือฟันที่มีปัญหาของรูปร่างที่ขึ้นผิดรูปร่างทำให้มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งการจัดฟันนั้น หลายคนคงได้เห็นกันมาบ้างแล้ว และทราบกันดีว่า การจัดฟันสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ทุกรูปแบบ และยังเป็นการช่วยส่งเสริมในเรื่องของความสะอาดของปากและฟันด้วย เพราะการที่เรามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ จะทำให้เราสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น การจัดฟันยังทำให้เราสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างละเอียด ไม่ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย

แต่หากเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแล้ว การจัดฟันนั้นก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟันที่เรามักจะพบเห็นกันได้บ่อย แต่วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแบบใส ที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่จากสหรัฐอเมริกา ที่ต้องถือว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะการจัดฟันแบบใสนั้น เราสามารถใส่เครื่องมือการจัดฟันได้อย่างสะดวก เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใสนั้น เป็นเครื่องมือแบบใสที่สามารถมองเห็นได้ยาก ทำให้เมื่อผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือแล้ว สามารถมองเห็นได้ยาก ทำให้ยิ้มสวยเป็นธรรมชาติ จึงได้รับความนิยมในหมู่ดารานักแสดง


ซึ่งทางคลินิกเราเคยพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแบบใสไปหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษา ข้อดี ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของเรื่องมือการจัดฟันแบบใส ที่ต้องบอกเลยว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าหากเราดูแลรักษาเครื่องมือการจัดฟันไม่ดี ก็อาจจะทำให้ผลการรักษาเกิดการคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจจะทำให้ผลการรักษาไม่ได้ผลเท่าทีควร ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการดูแลรักษาเครื่องมือการจัดฟันแบบใส เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ได้ดูแลรักษาเครื่องมืออย่างถูกวิธี เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ อย่างแรกเลย ถ้าหากเราพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดี

ต่อมาวิธีการดูแลรักษาเครื่องมือการจัดฟันแบบใส การล้างทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันเป็นประจำทุกวัน ถือเป็นที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยทั้งเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือและการทำความสะอาด ควรแปรงเบา ๆ ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม เพื่อให้เครื่องมือการจัดฟันสะอาด เมื่อผู้เข้ารับการจัดฟันจะรับประทานอาหาร ผู้ควรที่จะถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสออกก่อน เพื่อที่จะรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ และไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมือการจัดฟันด้วย เพียงเท่านี้ผู้เข้ารับการจัดฟันก็จะสามารถมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีเครื่องมือที่สะอาด


เมื่อยิ้มจะได้รู้สึกมั่นใจ มีฟันที่ดูสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังทำให้คนอื่นมองไม่ออกด้วย ว่าเรากำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพของช่องปากและฟัน ทางเรามีโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อให้ทุกคนได้หันมาสนใจการจัดฟันแบบใสเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการมีฟันที่สวยงาม โดยการจัดฟันแบบใสที่คลินิก ราคาเริ่มที่ 49,000 บาท จากปกติ 69,000 บาท สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกได้ ทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่ให้คำแนะนำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คุณจะมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติได้อย่างแน่นอน



การดูแลรักษาเครื่องมือการจัดฟันใส ให้ขาวใส มั่นใจเวลายิ้ม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

157
โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)
ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท

จุดเด่น
คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ สูง 37 ชั้น บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ โดดเด่นด้วยดีไซน์เปิดรับวิวที่จัดเต็มแบบ 360 องศา ติดถนนศรีนครินทร์ที่สามารถเดินทางเข้า–ออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช เพียง 5 นาที ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีกรีฑา 300 เมตร พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ

รายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียม-โปรโมชั่น

ชื่อโครงการ : โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)
ดูคอนโดราคาใกล้เคียง  ดู แอสเซทไวส์ ทุกโครงการ  ดู แอสเซทไวส์ ใกล้รถไฟฟ้า
เจ้าของโครงการ : แอสเซทไวส์
แบรนด์ย่อย : โมดิซ
ราคา : เริ่มต้น 1,990,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 
ลักษณะทำเล : คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
ความสูงคอนโด : High Rise (9 ชั้นขึ้นไป)
ลักษณะกรรมสิทธิ์ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ประเภทห้องที่มี : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ขนาดห้องที่มี : ตั้งแต่ 23.40 ถึง 35.00 ตร.ม.
เนื้อที่ทั้งหมด : 3 ไร่ 2 งาน 85.40 ตร.ว.
จำนวนตึก : 1 อาคาร
จำนวนชั้น : 37 ชั้น
จำนวนห้อง : 813 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
ค่าบำรุงส่วนกลาง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
สาธารณูปโภค : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
โซน : บางนา, ศรีนครินทร์, เทพารักษ์
ที่ตั้งคอนโดมิเนียม : ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240

ขนส่งสาธารณะ : ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนศรีรัช), รถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สถานีศรีกรีฑา - 300 ม.)
สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ
ร.ร.นานาชาติเวลลิงตัน
ร.ร.เตรียมอุดมพัฒนาการ
ม.อัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมาก
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
สมิติเวช ศรีนครินทร์ 
 

คอนโดติดรถไฟฟ้า โมดิซ โวยาจ ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

158
ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สันกำแพง (Supalai Grand Ville Sankamphaeng)
ราคา : 3,750,000 - 17,000,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
ครั้งแรกในเชียงใหม่ กับบ้านซีรีส์ใหม่สไตล์ Tropical Modern มอบอิสระ Full Flexi Function ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอย ให้เป็นมุมโปรดได้ตามใจ พร้อมนวัตกรรมที่เชื่อมชีวิต Privacy สู่ Smart Community ให้คุณใช้ชีวิตทุกด้านได้อย่างสมดุล เพิ่มความสุขทุกองศาในบ้าน สู่การใช้ชีวิตฉบับคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง ยกระดับคุณภาพชีวิตสู่ Smart Life ครบทุกมิติ ด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะภายในบ้าน Home Automation & Security พร้อมช่วยคุณลดค่าไฟฟ้ากับระบบ Solar Roof ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้านของคุณ ให้ “Smart ” แบบไม่มีสะดุด

รายละเอียดโครงการ

ชื่อโครงการ : ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สันกำแพง (Supalai Grand Ville Sankamphaeng)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู ศุภาลัย ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : ศุภาลัย
แบรนด์ย่อย : ศุภาลัย แกรนด์วิลล์
ราคา : 3,750,000 - 17,000,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
 
ประเภทบ้าน : บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด
ลักษณะทำเล : บ้านใกล้เมือง
พื้นที่โครงการ : 61 ไร่ 2 งาน 5.50 ตร.ว.
จำนวนบ้าน : 312 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 10 แบบ
เนื้อที่บ้าน : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
พื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 126.0 ถึง 417.0 ตร.ม.
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : ตั้งแต่ 3 ถึง 5 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : ตั้งแต่ 2 ถึง 3 คัน
สาธารณูปโภค : สวนสาธารณะ, รปภ., CCTV, อื่นๆ (Solar Roof), Keycard System (ระบบสแกนป้ายทะเบียน เข้า-ออกโครงการ), Home Automation

ขนส่งสาธารณะ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
แม็คโคร 3.3 กม.
กาดเจริญเจริญ 3.6 กม.
บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า 4.8 กม.
มหาวิทยาลัยพายัพ 3.4 กม.
โรงพยาบาลกรุงเทพ 3.7 กม.


บ้านเดี่ยว ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ สันกำแพง (Supalai Grand Ville Sankamphaeng) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

159
ว่าที่บ่าวสาวเชื้อสายจีนคู่ไหนที่อยากจัดพิธีหมั้นหรือพิธีแต่งงานแบบจีน ไม่ว่าจะเป็นหมั้นเช้าแบบจีน-ฉลองเย็น หรือจัดงานหมั้น-แต่งงานครบจบในแบบจีน ก็ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้ลิสต์รายการสิ่งของมงคลที่ต้องเตรียมสำหรับใช้ในพิธีการต่าง ๆ เอาไว้ให้แล้วค่ะ

ขบวนขันหมากจีนและพิธีสู่ขอ

       สิ่งของต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในพิธี แนะนำให้บ่าวสาวนำมาเตรียมไว้ที่สถานที่จัดงานแต่งล่วงหน้า 1 คืน เพื่อไม่ให้ลืมหรือตกหล่นค่ะ ของมงคลที่ใช้ในพิธีจะต้องเป็นจำนวนเลขคู่ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยสิ่งมงคลที่ทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวจะต้องเตรียม ได้แก่
       

- สินสอดทองหมั้น และขบวนขันหมากจีนของฝ่ายเจ้าบ่าว
       1. พานทอง
       2. พานเงิน
       3. พานแหวน
       4. ส้มเช้ง 24 ลูก 2 ถาด (รวมเป็น 48 ลูก)
       5. ขนมมงคลต่าง ๆ เช่น ขนมจันอับ ขนมเปี๊ยะ และสี่เซ็กทึ้ง (ชุดขนมขันหมากจีน) จำนวนเป็นเลขคู่
       6. เทียนแดง

       
- สิ่งของมงคลสำหรับฝ่ายเจ้าสาว
       1. ส้มเช้ง 24 ลูก 2 ถาด (รวมเป็น 48 ลูก)
       2. ขนมมงคลต่าง ๆ เช่น ขนมจันอับ ขนมเปี๊ยะ และสี่เซ็กทึ้ง (ชุดขนมขันหมากจีน) จำนวนเป็นเลขคู่
       3. กล้วย 1 เครือ
       4. ต้นชุงเช่า และน้ำตาลทรายแดง
       5. เอี๊ยมครบชุด
       6. ผ้าไหว้
สิ่งของมงคลที่ต้องมี ในพิธีแต่งงานแบบจีน


พิธีหมั้นและทานขนมอี๋

       ในช่วงพิธีหมั้น จะมีการขั้นตอนการสวมแหวน และการเก็บสินสอดมารวมไว้ในพานเดียว ผู้ใหญ่จะโรยโหง้วเจ๋งจี๊เพื่ออวยพร คุณแม่เจ้าสาวจะผูกผ้าและยกสินสอด จากนั้นจึงทานขนมอี๋ร่วมกัน สิ่งของมงคลที่ใช้ในช่วงนี้จึงได้แก่
       1. พานมีผ้าปูรอง สำหรับย้ายสินสอด
       2. โหง้วเจ๋งจี๊ หรือเมล็ดธัญพืช 5 ชนิด (เหมือนข้าวตอกดอกไม้อวยพรของไทย)
       3. ขนมอี๋ หรือบัวลอยแบบจีน


พิธียกน้ำชา

       สิ่งของที่ต้องเตรียมในพิธียกย้ำชามีไม่มากค่ะ เพียงแค่อุปกรณ์ในการยกน้ำชาเท่านั้น ซึ่งบางโรงแรมก็จะมีการเตรียมชุดกาน้ำชาเอาไว้ให้แล้ว ซึ่งประกอบด้วย
       1. กาน้ำชา
       2. ถ้วยชา แบบไม่มีหู
       3. ถาด


พิธีรับตัว-ส่งตัว

       สำหรับพิธีรับตัว-ส่งตัวในพิธีแต่งงานแบบจีน ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ใช้ห้องในโรงแรมเสมือนบ้านเจ้าสาว เพื่อความสะดวกตามพิธีแต่งงานแบบจีนสมัยใหม่ หรือจะใช้บ้านเจ้าสาวและเรือนหอจริง ๆ ในการทำพิธี ก็จะมีสิ่งของมงคลที่ต้องเตรียมดังนี้ค่ะ
 
สิ่งของมงคลที่ต้องมี ในพิธีแต่งงานแบบจีน
     

 - ขบวนรับตัวของฝ่ายเจ้าบ่าว
       1. พัด
       2. ปิ่นปักผม
       3. ตะเกียง
       4. ต้นชุงเช่า และน้ำตาลทรายแดง
       5. เอี๊ยมแดง
       6. ซองอั่งเปา (สำหรับด่านประตูเงิน-ประตูทอง คนถือตะเกียงและเซฟ)
       7. ช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว

       
- เรือนหอเจ้าบ่าว
       1. เครื่องไหว้ตี่จู่เอี้ยะ คือ ผลไม้ และเหล้า
       2. เครื่องไหว้บรรพบุรุษ คือ ผลไม้มงคลชุดใหญ่เหมือนคนทาน
       3. ธูปเทียน (คนละชุด สำหรับทั้ง 2 จุด)

       
- บ้านเจ้าสาว
       1. เครื่องไหว้ตี่จู่เอี้ยะและเครื่องไหว้บรรพบุรุษ ได้แก่ ผลไม้มงคล และธูปเทียน รวมถึงเครื่องไหว้ศาลพระภูมิ ถ้ามีศาลที่บ้านค่ะ
       2. กิ่งทับทิมหนึ่งมัด พร้อมน้ำมนต์สะอาด
       3. เซฟที่ได้จากพิธีหมั้น
       4. กระเป๋าใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ
       5. เครื่องใช้ที่จะเอาไปเรือนหอ
       6. ขนมอี๋

       นอกจากนี้ ให้เตรียมคนสำหรับถือตะเกียง กล่องเซฟ ชุงเช่า เอี๊ยม กระเป๋าเสื้อผ้า หรือสิ่งของอื่น ๆ ไว้ด้วยค่ะ ซึ่งต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น โดยคนถือตะเกียงจะต้องเป็นญาติที่มีอายุน้อยกว่าค่ะ

ลิสต์ที่เราเตรียมไว้ให้ เป็นรายการสิ่งของมงคลที่ต้องเตรียมในพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานแบบจีนตามธรรมเนียมที่นิยมกันค่ะ ซึ่งของมงคลบางรายการก็อาจมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ ตามแต่ความเชื่อของแต่ละบ้านด้วยค่ะ



จัดเลี้ยงนอกสถานที่: สิ่งของมงคลที่ต้องมี ในพิธีแต่งงานแบบจีน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

160
เบื่อใหม กับการออกไปนอกบ้าน และในบางครั้ง เราก็อยากจะมีงานสังสรรค์ ในกลุ่มคนรู่้จักที่บ้านของเรา จัดเลี้ยงที่บ้าน จัดปาร์ตี้ที่บ้าน วันนี้เอาใจสาวๆหนุมๆ ที่ชอบจัดงานเลี้ยงที่บ้าน พร้อมแนะนำเมนูอาหารทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม มารวมไว้สำหรับจัดเซ็ตปาร์ตี้ แล้วไปสนุกกันต่อเลยจ้า

เมนูอาหารคาวที่อยากแนะนำ ถ้วยทองทรงเครื่อง ฟังชื่อไม่ค่อยคุ้นหู แต่ท่าทางก็คงจะเป็นคอกเทล ที่เก๋ๆ ทานอร่อยง่ายๆ เป็นคำๆ ประมาณนั้นจ้า

ส่วนผสมสำคัญ

– แผ่นแป้งเกี๊ยว            2 ห่อ
– เนื้อหมูบด                 2 ถ้วยตวง
– แอปเปิ้ลหั่นฝอย        ครึ่ง ถ้วยตวง
– ต้นอ่อนทานตะวัน      ครึ่ง ถ้วยตวง
– วุ้นเส้นสด                 ครึ่ง ถ้วยตวง
– เห็ดหูหนูขาว             ครึ่ง ถ้วยตวง
– ซอสปรุงรส                 4 ช้อนชา
– ซีอิ๊วขาว                     2 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย               2 ช้อนชา
– น้ำมันสำหรับทอด        6 ถ้วยตวง
– พริกชี้ฟ้า สีแดง เขียว หั่นฝอย ครึ่งถ้วยตวง
– พริกไทยโขลกละเอียด  2 ช้อนโต๊ะ
– ผักชี                       ครึ่งถ้วยตวง
– รากผักชี                  ครึ่งถ้วยตวง
– กระเทียมสับละเอียด ครึ่งถ้วยตวง

วิธีการทำที่แสนจะง่ายๆ

1.เริ่มจาก ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอน้ำมันร้อน ก็ให้ใช้พิมพ์ตะกร้อ ที่มีขนาดเล็ก แล้วใส่แผ่นเกี๊ยวลงในตะกร้อ

2.จากนั้น นำตะกร้อลงจุ่มในน้ำมัน และอย่าลืม ใช้พิมพ์ตะกร้ออีกอันกดทับบนแผ่นเกี๊ยวให้เป็นทรง กระทง นะ

3. ต้องกดไว้สักครู่ ให้แผ่นแป้งเหลืองกรอบ หอมนิดๆ แล้วจึงตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน พักไว้ให้เย็น

4. จากนั้นเราจะใส่น้ำมันลงในกระทะ แล้วนำรากผักชี กระเทียม พริกไทย ลงผัดให้หอมๆ แล้วจึงนำเนื้อหมูบดลงผัดให้สุกหอม น่าทาน

5. นำวุ้นเส้นสด เห็ดหูหนูขาว แอปเปิ้ลที่หั่นฝอย ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส เติมน้ำตาลทรายเล็กน้อย ใส่ต้นอ่อนทานตะวัน  ผัดพอเข้ากัน มีกลิ่นหอมเล็กน้อย แล้วยกลงจากเตา

6. เตรียมจัดเสิร์ฟ โดยตักส่วนผสมที่เราจะนำมาเป็นไส้ ใส่ลงในถ้วยเกี๊ยวกรอบ อย่าลืมตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย ผักชี

เมนูอาหารหวาน วันนี้เราจะทำเค้กนึ่งโกโก้มะม่วงหิมพานต์ เรียกได้ว่า อร่อย หอม สุขภาพดีด้วยนะ เหมาะมากสำหรับงานเลี้ยงที่บ้าน

ส่วนผสม

– แป้งเค้ก            500 กรัม
– น้ำตาลทราย      400 กรัม
– ผงฟู                 4 ช้อนชา
– ไข่ไก่               10 ฟอง
– เนยสด             400 กรัม
– นมสดแบบจืด ครึ่ง ถ้วยตวง
– ผงโกโก้              4 ช้อนโต๊ะ
– เกลือป่น          1 ช้อนชา
– ลูกเกดสีดำ     ครึ่งถ้วยตวง
– เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ตำพอแตกๆ ครึ่งถ้วยตวง


วิธีการทำที่แสนจะง่ายๆ

1. เริ่มจาก ร่อนแป้งเค็ก ใส่ผงฟู และเกลือป่น ผสมรวมกัน แล้วตั้งพักไว้

2. จากนั้น จะทำการตีเนยสด เข้ากับน้ำตาลทราย จนกระทั่งขึ้นฟู ใส่ไข่ลงไปทีละฟอง ผสมให้เข้ากัน

3. ละลายผงโกโก้ ลงในนมสดแบบจืด แล้วคนให้เข้ากัน

4. จากนั้นจะ แบ่งแป้ง ออกเป็น 2 ส่วน โดยใส่ลงในส่วนผสมของเนยสด สลับกับนม คนผสมให้เข้ากัน

5. แล้วจึงนำมาตักใส่ถ้วยกระดาษโรยหน้าด้วยลูกเกดสีดำ และเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ นำไปนึ่งไฟแรง ให้นานประมาณ 10-15 นาที หรือจนกระทั่งสุก


เมนูเครื่องดื่ม กับเมนูน้ำผลไม้ เฮลตี้ ปาร์ตี้

ส่วนผสม

– เนื้อสับปะรด 400 กรัม
– เนื้อส้มเขียวหวาน 10 ผล (นำมาคั้นเป็นน้ำส้ม เตรียมไว้)
– ฝรั่ง 4 ผล (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
– องุ่นแดงแบบไร้เมล็ด 20 ผล
– มะนาว 5 ลูก (คั้นเป็นน้ำ เตรียมไว้)
– เกลือป่น 1 ช้อนชา
– น้ำเปล่า
– น้ำแข็งก้อนเล็ก

วิธีทำที่แสนจะง่าย

1. นำเนื้อสับปะรด น้ำส้มคั้น น้ำฝรั่ง น้ำมะนาว และ องุ่นแดง ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าพอประมาณ ปั่นให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน เติมเกลือป่นลงไป

2. นำน้ำปั่นที่ปั่นเสร็จแล้ว เทลงแก้ว พร้อมกัติแข็งใส ก้อนเล็กๆ ลงไป เสริฟ พร้อมดื่ม เย็นๆ



งานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ จัดเลี้ยงที่บ้าน อาหารอร่อย อาหารปาร์ตี้ที่บ้านง่ายๆ ได้สุขภาพ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

161
ในช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงที่หลายคนมักนิยมเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศกันแทบตลอดทั้งวัน เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดนั้น ย่อมทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย หลายๆบ้านคงจะมีเครื่องปรับอากาศ เพื่ออำนวยความสะดวก คลายร้อนในช่วงที่ประเทศไทยของเรา ร้อนอบอ้าว

ซึ่งอากาศที่ร้อนมากเป็นพิเศษจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดได้ ดังนั้น แอร์จึงมีความจำเป็นอย่างมาก สำหรับใครๆหลายๆคน แต่การดูแลแอร์ในบ้านของเรานั้น ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ยิ่งถ้าหากเราใช้งานทุกวัน ก็จะทำให้แอร์ทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษาให้เราสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่พังก่อนเวลาอันควร

นอกจากจะช่วยในเรื่องของการบำรุงรักษาแอร์แล้ว การทำความสะอาดแอร์ตามเวลากำหนดนั้น ยังสามารถช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ช่วยให้เครื่องทำงานได้ยาวนาน แต่ยังคงความเย็นสบายได้แบบเท่าเดิม วันนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับดูแลแอร์ในช่วงหน้าร้อนว่า ต้องดูแลรักษาอย่างไร เพราะเชื่อว่า ในช่วงหน้าร้อนแอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นและหลายคนก็เปิดแทบทุกวัน เพราะฉะนั้น การดูแลรักษาแอร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
 
การดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทั้งแบบที่ทำเองได้และต้องทำโดยช่างผู้ชำนาญ เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ช่วยทำให้แอร์สะอาด เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในบ้าน สำหรับวิธีการดูแลรักษาแอร์ในช่วงหน้าร้อน ก็ง่ายๆเพียงแค่เราหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์อยู่เสมอ
อย่างน้อยทุกอาทิตย์ ซึ่งทำได้โดยเปิดหน้ากากแอร์ขึ้นมา แล้วดึงแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า ตากให้แห้ง แล้วใส่กลับไปตามเดิม ยิ่งในช่วงนั้น เราใช้งานแอร์บ่อยๆ ก็ควรจะสังเกตแผ่นกรองบ่อยๆด้วย ที่สำคัญนอกจที่เราจะสามารถถอดแผ่นกรองออกมาล้างด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องจ้างช่างมาล้างแอร์

เพราะการล้างแอร์โดยช่างผู้ชำนาญ ควรล้างแอร์อย่างน้อย 6 เดือน/ 1 ครั้ง หรือทุก ๆ 3 ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้งาน เพื่อให้ช่างได้ทำการล้างทำความสะอาดแอร์โดยละเอียด จะได้ดูเรื่องของน้ำยาแอร์หรือระบบต่างๆด้วย เพราะการตรวจเช็คภาพแอร์
ซึ่งเป็นการตรวจเช็คระบบทั่วไป และจะทำพร้อมกับการล้างแอร์โดยช่างผู้ชำนาญ เช่น การตรวจวัดความดันน้ำยาในระบบ, ตรวจระบบไฟฟ้า รวมไปถึงยอดน้ำมันมอเตอร์พัดลม และ  ตรวจสอบและซ่อมแซมฉนวนหุ้มท่อน้ำยาแอร์ เพื่อที่จะได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่เกิดปัญหาในอนาคต

นอกจากนี้ ในส่วนของการใช้งาน เราก็ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยการตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศา จะทำให้ช่วยประหยัดไฟได้จริง และยืดอายุการใช้งานของแอร์ได้ยาวนานขึ้น และที่สำคัญ
ลดความร้อนในห้องก่อนเปิดแอร์ และลดความร้อนที่จะเข้าห้อง เช่น การเปิดพัดลมระบายความร้อนออกไปก่อน, ทาสีผนังสะท้อนความร้อน หรือ ติดม่านสะท้อน UV แต่อย่างไรก็ตาม แสงจากหลอดไฟในตอนกลางวันก็มีส่วนทำให้อุณหภูมิภายในบ้านสูงขึ้นได้ และยังทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น


ดังนั้น แนะนำให้ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น แล้วเปิดผ้าม่านรับแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามาทดแทน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้บ้านสว่างขึ้น โดยที่อากาศร้อนน้อยลงได้แล้ว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการนำความชื้นเข้ามาในห้อง เพราะแอร์จะใช้พลังงานในการทำความเย็นอยู่ที่ 30% ส่วนอีก 70% เป็นพลังงานที่ใช้จำกัดความชื้น
จึงช่วยให้สภาพอากาศภายในห้องแห้งนั่นเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของที่ก่อให้เกิดความชื้นเข้ามาในห้อง เช่น ต้นไม้หรือการตากผ้า เป็นต้น เพราะจะยิ่งทำให้แอร์ทำงานหนัก
 
อย่างไรก็ตาม ทางเราก็มีบริการซ่อมบำรุง มีบริการการดูแลภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องตรวจตราและหมั่นดูแล อย่างสม่ำเสมอตลอดการบริการ การที่องค์กรใช้บริษัทที่หลากหลายเข้า มาดูแลบริการด้านต่าง ๆนั้น
อาจทำให้องค์กรสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะ ใช้ชีวิตในภายในอาคาร


และถ้าภายในอาคารนั้นมีผู้ป่วยอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นการสะสมของฝุ่นจนทำให้เกิดเป็นเชื้อรา และส่งผลต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆได้ นอกจากนี้ ยังมีงานบำรุงรักษาอาคารซ่อมบำรุงอาคาร อาทิ เช่น ระบบเครื่องปรับอากาศ พื้นอาคาร เพดาน หน้าต่าง และอื่นๆ ระบบไฟฟ้า เช่น การเดินสายไฟ  ระบบการสื่อสาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่


ซ่อมบำรุงอาคาร: เคล็ดลับดูแลแอร์ช่วงหน้าร้อน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

162
บริเวณพื้นห้องน้ำจะเป็นจุดที่ค่อนข้างทำความสะอาดได้ยาก จึงอยากมาแนะนำวิธีล้างห้องน้ำการจะขจัดคราบฝังลึกบนผิวกระเบื้อง โดยมีดังนี้

คราบขาวเป็นรอยด่าง

    ใช้เบกกิ้งโซดามาผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 4:1 หรือใช้น้ำยาขัดห้องน้ำที่มีส่วนผสมของกรดเกลือ
    จากนั้นนำมาเทราดบริเวณที่มีคราบสกปรกฝั่งแน่นเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง ต่อมาให้ราดน้ำเปล่าลงไปที่พื้นห้องน้ำแล้วใช้แปรงขัดออก แต่ถ้าจุดไหนที่มีคราบฝังแน่นมาก ๆ เทลงเฉพาะจุดทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วค่อยขัดออก


คราบเหลืองหรือคราบหินปูน

    ให้คุณใช้น้ำส้มสายชูมาเทบริเวณที่มีหินปูนแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
    จากนั้นใช้แปรงขัด หากสิ่งสกปรกยังออกไม่หมดให้ใช้น้ำยาขัดห้องน้ำมาเทอีกรอบ หรือจะใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วขัดอีกรอบ
    ต่อมาโรยเบกกิ้งโซดาลงบนเปลือกมะนาว จากนั้นนำไปขัดตามคราบหินปูน โดยกรดจากมะนาวจะกัดกร่อนคราบเหลืองจนออกหมด


คราบไขมัน

คราบไขมันอยู่ตามบริเวณที่เป็นก๊อกน้ำ ฝักบัว หรือสายต่อต่าง ๆ ที่เป็นสเตนเลส โดยวิธีทำความสะอาดห้องน้ำให้คุณเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำส้มสายชู หรือจะใช้น้ำยาขัดอเนกประสงค์ทั่วไปทำความสะอาดก็สามารถขจัดคราบไขมันได้


คราบราดำ

หากคุณพบคราบราดำในห้องน้ำให้คุณขจัดทำความสะอาดห้องน้ำ โดยใช้เบกกิ้งโซดาโรยให้ทั่วห้องน้ำตามรอยต่อของกระเบื้องทิ้งไว้ 5 นาที จากนั้นนำน้ำส้มสายชูกลั่นมาราดตามบริเวณที่มีคราบราดำแล้วใช้แปรงขัดออก


สรุปวิธีล้างห้องน้ำ

ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่มีความชื้นแทบจะตลอดเวลา จึงทำให้บริเวณนี้มีเชื้อโรค แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกอาศัยอยู่มากมาย ดังนั้นคุณจึงไม่ควรปล่อยให้ห้องน้ำไม่สะอาดแล้วควรทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

บริการทำความสะอาด: วิธีล้างห้องน้ำ ขจัดคราบฝังลึกกระเบื้อง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/soft-services/

163
ศุกร์เมา เสาร์แฮงค์เป็นของคู่กัน แต่แฮงค์หนัก ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะเอาจริง ถ้าต้องปาร์ตี้บ่อยขนาดนี้มาดูวิธีแก้แฮงค์ที่ทุกคนทำตามได้แบบง่าย ๆ กันดีกว่าาา

สายปาร์ตี้คงชินกับอาการแฮงค์อยู่แล้วเนอะ ตื่นมาที ไม่อยากจะลุกไปทำอะไรเลยทีเดียว แต่จะนอนทั้งวันมันก็ไม่หายสักที วันนี้มีเคล็ดลับที่จะช่วยให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ สายปาร์ตี้ กับวิธีแก้แฮงค์แบบเร่งด่วน ลดอาการแฮงค์ หรือเมาค้างมาฝากกันค่ะ


1.ดื่มน้ำเยอะ ๆ

เอาน่ะ วิธีแก้แฮงค์ หากกินอะไรไม่ลง ดื่มน้ำเข้าไปหน่อยก็ยังดีนะคะ เพราะเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เยอะ ๆ เนี่ย จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ทำให้เลือดของเราข้น ยิ่งทำให้แอลกอฮอล์มันระบายออกไปจากร่างกายช้าค่ะ เอาเป็นว่าเวลาแฮงค์ สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะทำได้ก็คือดื่มน้ำเข้าไปเยอะ ๆ นะคะ


2.กินผลไม้รสหวาน

ช้าก่อนนน ผลไม้ที่ว่าเนี่ยไม่ใช่ทุกอย่างที่จะกินได้ช่วงแฮงค์นะคะ พวกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนี่ข้ามเลยจ้าาา เพราะมันจะยิ่งไปกัดกระเพาะ ผลไม้ที่ควรกินแก้แฮงค์ คือผลไม้ที่มีรสหวานค่ะ ที่แนะนำที่สุดก็คือกล้วยนั่นเอง เพราะว่ากล้วยเนี่ยมีโพแทสเซียม ซึ่งเวลาเราดื่มหนัก ๆ เราก็จะปัสสาวะบ่อยถูกไหม ซึ่งปัสสาวะแต่ละครั้งมันก็ขับโพแทสเซียมออกไป เราเลยต้องกินกล้วยเพื่อเติมโพแทสเซียมยังไงล่ะ


3.ดื่มกาแฟเอสเปรสโซเข้ม ๆ

อันนี้หลาย ๆ คนคงเคยใช้แล้วเนอะ เพราะคาเฟอีนในกาแฟมันช่วยให้เราลดอาการคลื่นไส้ได้ แล้วก็ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคนนะคะ บางคนอาจจะไม่ได้ผลกับวิธีแก้แฮงค์นี้ ยิ่งกินอาจจะกลายเป็นยิ่งแฮงค์ เพราะฉะนั้นแนะนำเฉพาะคนที่อาการไม่หนักมากนะคะ ถ้าใครแฮงค์หนัก ๆ ข้ามเลยค่ะ


4.กินไข่ต้ม หรือ ไข่ลวก

ดูเป็นวิธีแก้แฮงค์ที่ไม่น่าช่วยได้เลยใช่ไหมล่ะ หลายคนอาจไม่รู้ว่าการกินไข่ต้มหรือไข่ลวกเนี่ยเป็นอีกวิธีช่วยแก้แฮงค์ได้ดีเลยค่ะ เพราะว่าในไข่มีกรดอะมิโนช่วยบำรุงตับค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่า ไข่ที่กำลังพูดถึงเนี่ย ย้ำอีกรอบว่าไข่ต้มหรือไข่ลวกนะคะ ไม่ใช่ไข่เจียวน้ำมันเยิ้ม ๆ นะ


5.ดื่มน้ำขิง

น้ำขิงเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ระบบหายใจดีขึ้น ดื่มแล้วความเผ็ดร้อนจะช่วยให้เรารู้สึกสบายขึ้นค่ะ เดี๋ยวนี้เค้าก็มีผงชงสำเร็จรูปให้ดื่มได้ง่าย ๆ สายปาร์ตี้ก็อย่าลืมซื้อติดบ้านไว้นะคะ เพราะนอกจากช่วยเรื่องการหายใจแล้วยังช่วยลดอาการปวดหัวและช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ทำให้เราแก้แฮงค์ ระบายแอลกอฮอล์ออกไปได้ดีขึ้นค่ะ


6.ดื่มน้ำอัดลม

สำหรับน้ำอัดลมนอกจากจะช่วยให้เราสดชื่นขึ้นแล้ว ในน้ำอัดลมโดยเฉพาะน้ำอัดลมกลิ่นโคล่าช่วยลดสารอะซิทัลดีไฮด์และเอทานอลที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวนี่แหละค่ะ สำหรับใครที่ไม่ได้เมาแต่มีอาการมึน ๆ หรือปวดหัวก็ช่วยได้นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเอาไปกินแทนยานะ


7.ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น

อะ! การแก้แฮงค์ด้วยวิธีนี้ง่ายมากก แค่กินน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น หรือใครอยากผสมน้ำผึ้งก็ได้เหมือนกันค่ะ การกินน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นหรือน้ำผึ้งจะช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดี แถมยังเป็นวิธีที่นิยมของคนทั่วไปอีกด้วย ที่สำคัญการกินแบบนี้จะช่วยลดปริมาณสารตกค้างในตับได้อีกด้วย ถือว่าทำง่าย และถ้าปาร์ตี้หนักมาก็ไม่ห่วงแล้วเรื่องเมาค้างอีกต่อไปจ้าา


8.กินยาแก้ปวด

ไม่แน่ใจว่าใครเคยใช้วิธีนี้หรือเปล่า แต่ถ้าสมมติว่าใครเคยทำแปลว่าสายแข็งแล้วแน่นอน สำหรับวิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำถ้าใครเพิ่งเข้าวงการปาร์ตี้หนัก ๆ นะคะ เพราะปาร์ตี้หนักมักจะทำให้เราปวดหัว วิธีแก้แฮงค์ที่รวดเร็วที่สุดคือกินยาแก้ปวดสักเม็ดค่ะ อย่างถ้ารู้ว่าวันนี้จะไปปาร์ตี้ก็พกยาแก้ปวดไปสักเม็ดพอจะนอนก็กินยาดักเอาไว้เลย หลังจากตื่นขึ้นมาจะช่วยให้เราไม่ปวดหัวหนักได้ค่ะ แต่ต้องเตือนไว้ก่อนเลยว่าห้ามกินยาเกินขนาดเด็ดขาด เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ


9.ดื่มเครื่องดื่มวิตามิน

กลับมาที่วิธีแก้แฮงค์แบบเบสิกกันหน่อยดีกว่า ใครที่มีแพลนว่าวันนี้ต้องไปปาร์ตี้หนักแน่ ๆ ก็หาเครื่องดื่มวิตามินเตรียมเอาไว้ได้เลยค่ะ ต้องบอกว่าเครื่องดื่มวิตามินจะประกอบไปด้วยวิตามินซี และวิตามินบี ช่วยลดอาการเมาค้างและปวดหัวได้ดี นอกจากดื่มเครื่องดื่มวิตามินเข้าไปแล้วก็หาน้ำเปล่ามากินตามต่อสักหน่อยจะดีมาก เพราะหลังจากปาร์ตี้หนักมาร่างกายมีโอกาสสูญเสียน้ำเยอะนั่นเอง


10.ดื่มนมช็อกโกแลต

ใครยังไม่เคยลองดื่มนมช็อกโกแลตแก้เมาค้าง แนะนำให้ลองวิธีนี้ดูนะคะ การดื่มนมช็อกโกแลตจะช่วยป้องกันอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี และนอกจากจะช่วยให้ไม่เมาค้างแล้ว นมช็อกโกแลตยังไม่ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงเมื่อตื่นตอนเช้าอีกด้วย เนี่ยวิธีนี้ง่ายมากกก ใครทำมา



วิธีแก้แฮงค์แบบเร่งด่วน อาหาร ของกิน อะไรแก้แฮงค์ได้บ้าง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

164
ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยก็มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อเสาะหายาและวัคซีนที่จะช่วยยับยั้งและรักษาโรคนี้ รวมถึงมีการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยหลากหลายชนิดในการนี้ด้วย ที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ “ฟ้าทะลายโจร” ที่มีมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส

และสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีงานวิจัยออกมาว่าช่วยออกฤทธิ์ต้านไวรัสด้วยเช่นกันก็คือ “กระชายขาว” สมุนไพรไทยๆ ที่คุ้นเคยกันดี เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของอาหารไทยหลากหลายเมนู

ทีมวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือกันของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ได้ศึกษาวิจัย “กระชายขาว” พบว่าสารสกัดจากกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด สามารถยับยั้งการเจริฐเติบโตของโควิด-19 ได้ถึง 100%

โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัวที่อยู่ในกระชายขาว ได้แก่ Pandulatin A และ Pinostrobin สารทั้ง 2 ตัวในกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสต้นเหตุของโควิด-19 ได้ ซึ่งสารทั้ง 2 ตัวนี้สามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจาก 100% ให้ลดลงจนเหลือ 0% นอกจากนี้ ยังสามารถยับยั้งเซลล์ในการผลิตไวรัสได้ถึง 100% อีกด้วย


ส่วนการบริโภคกระชายขาวเพื่อต้านโควิด-19 แนะนำให้อยู่ในรูปแบบของสารสกัดกระชายขาว เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณสารสำคัญที่จะออกฤทธิ์ได้อย่างแน่นอน รวมถึงควบคุมปริมาณการบริโภคให้ได้เหมาะสม โดยขณะนี้อยู่ในช่วงการทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง จากนั้นจะทดสอบในคน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10-12 เดือน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและประสิทธิภาพกับคนใช้มากที่สุด รวมถึงเตรียมการที่จะจดสิทธิบัตรงานวิจัยสารสกัดจากกระชายขาว เพื่อให้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทย

สำหรับ “กระชายขาว” เป็นพืชล้มลุกที่มักนิยมนำเหง้ามาประกอบอาหาร ในหลายๆ เมนูก็มีกระชายเป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะเป็น ผัดฉ่า แกงป่า ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น ส่วนสรรพคุณทางยาของกระชาย ใบกระชายใช้บำรุงธาตุ แก้โรคในปาก ถอนพิษ เหง้าและรากกระชายแก้บิด ขับปัสสาวะ ใช้เป็นยาทารักษาขี้กลาก ส่วนเหง้าใต้ดินของกระชายแก้ปวดท้อง แก้มวนท้อง บำรุงกำลัง และรักษาริดสีดวง



กระชายพลัส: “กระชายขาว” สมุนไพรไทยสุดเจ๋ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสได้ 100% อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

165
ด้วยการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของจังหวัดขอนแก่น ทำให้ตัวเมืองมีการเติบโตอย่างเร็ว และการบริการ รถรับจ้างจังหวัดขอนแก่น ก็โตตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็นงาน รับจ้างขนอง รับจ้างขนย้าย รับจ้างย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายคอนโด สินค้าอุปโภค บริโภค ด้วย รถรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถหกล้อรับจ้างจังหวัดขอนแก่น รถสิบล้อรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถเฮียบรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น รถเทรลเลอร์รับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น เป้นต้น ต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการที่ลูกค้า ที่ต้องการย้ายของ ก็ยากที่จะสบาย ไม่เหนื่อยในการยกของ สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญให้ชีวิตที่ผันเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ธุรกิจ รถรับจ้าง เกิดการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างน่าภาคภูมิใจ

ทุกงานบริการ สุดยอดงานบริการที่นี่เท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน ขนย้ายอะไร วันไหน ต้องการคนยกสินค้าหรือไม่ แจ้ง รถรับจ้างขนของจังหวัดขอนแก่น เรามาได้เลยเพราะเรามีความพร้อมเรื่องรับจ้างขนย้ายจริงๆ เรียกได้เลยว่าเราคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับจ้างขนของ สำหรับท่านที่ยังไม่เคยติดต่อเข้ามา สามารถเรียกรับบริการพิเศษ ราคาถูก กับเราได้ทุกวันนะครับ


พื้นที่ให้บริการรถรับจ้างขนของขอนแก่น ย้ายบ้าน ของเราในจังหวัดต่างๆ

รถรับจ้างขนของอำเภอเมืองขอนแก่น

 รถรับจ้างขนของอำเภออุบลรัตน์

รถรับจ้างขนของอำเภอเขาสวนกวาง

รถรับจ้างขนของอำเภอโคกโพธิ์ไชย 

รถรับจ้างขนของอำเภอชำสูง           

รถรับจ้างขนของอำเภอแฮด

รถรับจ้างขนของอำเภอชุมแพ

รถรับจ้างขนของอำเภอสีชมพู

รถรับจ้างขนของอำเภอบ้านไผ่

รถรับจ้างขนของอำเภอบ้านฝาง

รถรับจ้างขนของอำเภอเปือยน้อย

รถรับจ้างขนของอำเภอพล

รถรับจ้างขนของอำเภอพระยืน

รถรับจ้างขนของอำเภอภูเวียง

รถรับจ้างขนของอำเภอภูผาม่าน

รถรับจ้างขนของอำเภอมัญจาคีรี

รถรับจ้างขนของอำเภอแวงน้อย

รถรับจ้างขนของอำเภอแวงใหญ่

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองสองห้อง

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองเรือ

รถรับจ้างขนของอำเภอกระนวน 

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองนาคำ

รถรับจ้างขนของอำเภอชนบท

รถรับจ้างขนของอำเภอโนนศิลา

รถรับจ้างขนของอำเภอน้ำพอง


รถรับจ้างขนของเชียงใหม่ รถรับจ้างจังหวัดขอนแก่น รับจ้างขนของ ย้ายบ้าน หอ รถรับจ้างทั่วไป  อ่านบทความเพิ่มเติมคลฺิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/105

หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 15
















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า