Doctor At Home: ภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Empyema Thoracis หรือ Pyothorax) ภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Empyema Thoracis หรือ Pyothorax) คือ ภาวะที่มีการสะสมของหนองในช่องว่างระหว่างเยื่อหุ้มปอด 2 ชั้น ซึ่งปกติจะมีน้ำหล่อลื่นอยู่เพียงเล็กน้อย ภาวะนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการติดเชื้อ มักเกิดตามหลังการติดเชื้อในปอด เช่น ปอดอักเสบ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ
ช่องเยื่อหุ้มปอดคืออะไร?
ช่องเยื่อหุ้มปอด (Pleural Space) คือช่องว่างบางๆ ที่อยู่ระหว่างเยื่อหุ้มปอด 2 ชั้น:
เยื่อหุ้มปอดชั้นนอก (Parietal Pleura): บุอยู่ด้านในของผนังทรวงอก
เยื่อหุ้มปอดชั้นใน (Visceral Pleura): หุ้มผิวปอด
ในช่องว่างนี้จะมีน้ำหล่อลื่นอยู่เล็กน้อย เพื่อช่วยให้ปอดขยายและหดตัวได้อย่างราบรื่นขณะหายใจ เมื่อเกิดการติดเชื้อ น้ำหล่อลื่นนี้อาจเปลี่ยนเป็นหนอง ทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองต่อเยื่อหุ้มปอด
สาเหตุหลักของภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อที่แพร่กระจายมาจากปอด หรือจากบริเวณใกล้เคียง:
ปอดอักเสบติดเชื้อ (Pneumonia): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เมื่อเชื้อแพร่กระจายจากเนื้อปอดมายังช่องเยื่อหุ้มปอด
การผ่าตัดทรวงอก: เช่น หลังการผ่าตัดปอด หรือหัวใจ อาจเกิดการติดเชื้อหลังผ่าตัด
การบาดเจ็บที่ทรวงอก: เช่น การถูกแทงหรือกระสุนปืน ทำให้เชื้อโรคเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด
ฝีในปอด (Lung Abscess): การแตกของฝีในปอดเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอด
วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis): เชื้อวัณโรคสามารถทำให้เกิดหนองในช่องเยื่อหุ้มปอดได้
การติดเชื้อจากอวัยวะใกล้เคียง: เช่น การติดเชื้อในช่องท้องที่แพร่กระจายผ่านกะบังลม หรือการติดเชื้อที่กระดูกซี่โครง
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน, โรคไตวาย, ผู้ป่วย HIV/AIDS, หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน จะมีความเสี่ยงสูงกว่า
ภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะปอด (Thoracentesis): ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเกิดการติดเชื้อจากการทำหัตถการนี้
อาการของภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด
อาการมักจะคล้ายกับอาการปอดอักเสบ แต่จะมีความรุนแรงและต่อเนื่องมากกว่า ได้แก่:
ไข้สูง หนาวสั่น: เป็นอาการที่พบบ่อยและเด่นชัด
เจ็บหน้าอก: มักเป็นอาการเจ็บแปลบๆ หรือแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อหายใจเข้าลึกๆ หรือไอ
หายใจเหนื่อย หอบ: เนื่องจากหนองที่สะสมกดทับปอด ทำให้ปอดขยายตัวได้ไม่เต็มที่
ไอ: อาจมีเสมหะปนหนอง หรือเลือด
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง: รู้สึกไม่สบายตัว
เหงื่อออกมากผิดปกติ: โดยเฉพาะเหงื่อออกตอนกลางคืน
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในรายที่รุนแรง: อาจมีภาวะหายใจล้มเหลว และจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอดโดยอาศัยข้อมูลจาก:
ประวัติและการตรวจร่างกาย: ฟังเสียงปอด (อาจได้ยินเสียงหายใจลดลง หรือเสียงผิดปกติ)
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest X-ray): เพื่อดูว่ามีน้ำหรือหนองในช่องเยื่อหุ้มปอดหรือไม่
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ทรวงอก: ให้ภาพที่ละเอียดกว่า X-ray ช่วยประเมินปริมาณหนอง ตำแหน่ง และการเกิดพังผืด
อัลตราซาวด์ทรวงอก (Thoracic Ultrasound): ช่วยในการระบุตำแหน่งของหนอง และนำทางในการเจาะระบายหนอง
การเจาะปอด (Thoracentesis): เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการวินิจฉัย โดยแพทย์จะใช้เข็มเจาะผ่านผนังทรวงอกเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอดเพื่อดูดหนองออกมาตรวจวิเคราะห์:
ลักษณะของน้ำ/หนอง: หากเป็นหนองข้นๆ ก็สามารถวินิจฉัยได้ทันที
การตรวจทางเคมี: เช่น ระดับโปรตีน, กลูโคส, pH
การย้อมเชื้อและการเพาะเชื้อ: เพื่อระบุชนิดของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ เพื่อเลือกยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
การตรวจหาสารบ่งชี้อื่นๆ: เช่น วัณโรค หรือเซลล์มะเร็ง (เพื่อแยกโรค)
การรักษา
การรักษาภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอดมีหลักการสำคัญ 2 ประการ คือ การกำจัดเชื้อโรค และ การระบายหนองออกจากช่องเยื่อหุ้มปอด
การให้ยาปฏิชีวนะ: แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำในปริมาณสูงและเป็นระยะเวลานาน (2-4 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ การเลือกชนิดของยาจะขึ้นอยู่กับผลการเพาะเชื้อและความรุนแรงของโรค
การระบายหนอง:
การใส่สายระบายทรวงอก (Chest Tube Drainage / Tube Thoracostomy): เป็นวิธีหลักในการระบายหนอง โดยแพทย์จะสอดท่อขนาดเล็กเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอด เพื่อระบายหนองและของเหลวที่ติดเชื้อออก
การผ่าตัดส่องกล้อง (Video-Assisted Thoracoscopic Surgery - VATS): หากหนองมีลักษณะข้นเหนียว มีการแบ่งเป็นช่องๆ หรือมีพังผืดเกิดขึ้น ทำให้การระบายด้วยสายระบายไม่เพียงพอ แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อเข้าไปทำความสะอาดช่องเยื่อหุ้มปอด, สลายพังผืด, และระบายหนองออกให้หมด วิธีนี้มีแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
การผ่าตัดแบบเปิด (Open Thoracotomy with Decortication): ในกรณีที่ภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอดเป็นเรื้อรัง มีพังผืดหนามากจนปอดไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ แพทย์อาจจำเป็นต้องผ่าตัดแบบเปิดเพื่อลอกพังผืดและหนองออก ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่และใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
สิ่งสำคัญ: การรักษาภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอดต้องทำอย่างทันท่วงทีและครบวงจร หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด, ภาวะหายใจล้มเหลว, หรือปอดถูกจำกัดการขยายตัวอย่างถาวร ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นภาวะหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องครับ