คำแนะนำการปฏิบัติตัวของเด็กที่เป็นโรคหืดในสถานการณ์การระบาด Covid-19สำหรับเด็กที่เป็นโรคหืดในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 การดูแลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการหากมีการติดเชื้อ
คำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับเด็กโรคหืดในช่วงโควิด-19:
การควบคุมโรคหืดให้ดี:
ใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด: โดยเฉพาะยาพ่นชนิดควบคุมอาการ (preventer/controller) เพื่อควบคุมอาการหอบหืดให้สงบ และลดโอกาสการกำเริบของโรค ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงหากมีการติดเชื้อโควิด-19
พบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง: เพื่อประเมินอาการ ปรับยา และรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการหอบเหนื่อย ไอ หายใจมีเสียงหวีด หรืออาการหอบกำเริบ ควรใช้ยาพ่นฉุกเฉินตามแผนที่แพทย์แนะนำ และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
การป้องกันการติดเชื้อโควิด-19:
ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19: หากเด็กมีอายุที่เข้าเกณฑ์และไม่มีข้อห้าม ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงของโรคหากติดเชื้อ
สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อจำเป็นต้องออกจากบ้าน หรืออยู่ในสถานที่แออัด มีคนจำนวนมาก หรือมีการระบายอากาศไม่ดี ควรให้เด็กสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน
ล้างมือบ่อยๆ: ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังจากสัมผัสพื้นผิวต่างๆ
รักษาระยะห่างทางสังคม: หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ
หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด: ไม่ควรพาเด็กไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือมีการรวมกลุ่มกันจำนวนมาก
ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น: เช่น แก้วน้ำ หลอด จาน ช้อนส้อม
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: โดยเฉพาะการขยี้ตา จมูก ปาก
การดูแลเมื่อมีอาการป่วย (สงสัยติดเชื้อโควิด-19):
สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากเด็กมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หรืออาการอื่นๆ ที่สงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19
รักษาตามอาการเบื้องต้น: เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ และให้พักผ่อนให้เพียงพอ
รีบพาไปโรงพยาบาลทันที หากมีอาการรุนแรง: เช่น
ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส และไม่ลดลง
หายใจหอบเร็ว หายใจลำบาก ใช้แรงในการหายใจมากกว่าปกติ
หน้าอกบุ๋ม ปีกจมูกบานขณะหายใจ
ปากเขียว
ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95%
ซึมลง งอแง ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร
อาเจียนหรือถ่ายเหลวมากต่อเนื่องกัน
การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน:
ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ: โดยเฉพาะบริเวณที่อาจมีไรฝุ่นหรือสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
ควบคุมความชื้นภายในห้อง: ให้ต่ำกว่า 50% เพื่อลดการเจริญเติบโตของไรฝุ่นและเชื้อรา
ซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนเป็นประจำ: อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสิ่งกระตุ้น: เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง ขนสัตว์ หรือสารเคมีต่างๆ
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้เด็กที่เป็นโรคหืดสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19