หมอออนไลน์: ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever) ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever) เป็นภาวะอักเสบที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตรปโตคอคคัส ชนิด Group A (Group A Streptococcus หรือ GAS) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการติดเชื้อที่คอ (Strep Throat) หรือบางครั้งอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ผิวหนัง (Impetigo) ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมหรือครบถ้วน
ไข้รูมาติกไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียโดยตรง แต่เป็นการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Autoimmune Reaction) ที่ไปโจมตีเนื้อเยื่อปกติของร่างกายเอง เช่น หัวใจ ข้อต่อ สมอง และผิวหนัง
สาเหตุ:
การติดเชื้อแบคทีเรีย Group A Streptococcus (GAS): มักเริ่มจากการเจ็บคอ (Strep Throat) ที่เกิดจากเชื้อนี้ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างทันท่วงทีและครบถ้วน ภายใน 1-5 สัปดาห์ต่อมา (โดยเฉลี่ย 2-3 สัปดาห์) อาจทำให้เกิดไข้รูมาติกตามมาได้
การตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ: ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย แต่ภูมิคุ้มกันนั้นกลับไปโจมตีเซลล์ของร่างกายตัวเองโดยเข้าใจผิดว่าเป็นเชื้อโรค เนื่องจากโครงสร้างของเชื้อแบคทีเรียบางส่วนคล้ายคลึงกับเนื้อเยื่อของร่างกาย (Molecular Mimicry)
ใครบ้างที่เสี่ยง?
พบบ่อยที่สุดใน เด็กวัย 5-15 ปี แต่ก็สามารถพบได้ในวัยอื่น ๆ
ผู้ที่เคยเป็นไข้รูมาติกมาแล้ว มีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้หากติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสอีกครั้ง
ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแออัด หรือสุขอนามัยไม่ดี มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส
อาการของไข้รูมาติก:
อาการมักปรากฏขึ้น 2-4 สัปดาห์หลังจากอาการเจ็บคอเริ่มแรก และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือหลายอาการรวมกัน อาการหลักๆ ที่ใช้ในการวินิจฉัย (ตามเกณฑ์ของ Jones Criteria) ได้แก่:
อาการหลัก (Major Criteria):
ข้ออักเสบ (Polyarthritis):
มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ที่ข้อต่อ โดยเฉพาะข้อใหญ่ๆ เช่น หัวเข่า, ข้อเท้า, ข้อศอก, ข้อมือ มักเป็นแบบย้ายที่ (Migratory Arthritis) คือปวดที่ข้อหนึ่งแล้วหายไป ย้ายไปปวดที่ข้ออื่น
หัวใจอักเสบ (Carditis):
เป็นภาวะที่รุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายในระยะยาว เนื่องจากอาจทำให้เกิด โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease) ได้
มีอาการเจ็บหน้าอก, ใจสั่น, เหนื่อยง่าย, หายใจลำบาก, หอบ, นอนราบไม่ได้ (ในรายที่มีภาวะหัวใจวาย)
แพทย์อาจตรวจพบเสียงฟู่ที่หัวใจ (Heart Murmur) หรือหัวใจโต
อาการผิดปกติของระบบประสาท (Sydenham's Chorea หรือ St. Vitus' Dance):
เป็นอาการทางระบบประสาทที่แสดงออกเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะที่มือ เท้า และใบหน้า
อาจมีอาการหงุดหงิดง่าย, ร้องไห้หรือหัวเราะไม่เหมาะสม
อาการนี้อาจปรากฏช้ากว่าอาการอื่น ๆ คือ 1-6 เดือนหลังการติดเชื้อ
ผื่นแดงขอบนูน (Erythema Marginatum):
เป็นผื่นแบนหรือนูนเล็กน้อย สีชมพูหรือแดง มีขอบชัดเจนคล้ายวงแหวน หรือคล้ายแผนที่ มักพบบริเวณลำตัวและแขนขา ไม่คัน และหายไปเอง
ตุ่มใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Nodules):
เป็นตุ่มแข็งเล็กๆ ขนาดประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร ไม่เจ็บ เคลื่อนที่ได้ พบบริเวณใต้ผิวหนังเหนือกระดูก โดยเฉพาะข้อศอก, หัวเข่า, ข้อมือ, หรือตามแนวสันกระดูกสันหลัง
อาการรอง (Minor Criteria):
ไข้: มักมีไข้สูง
ปวดข้อ (Arthralgia): ปวดข้อแต่ไม่มีอาการบวมแดงชัดเจน (แตกต่างจากข้ออักเสบใน Major Criteria)
การอักเสบในร่างกาย (Inflammation): ตรวจเลือดพบค่าการอักเสบสูง เช่น ESR (Erythrocyte Sedimentation Rate) หรือ CRP (C-Reactive Protein) สูง
ความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Prolonged PR interval on ECG): ตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
การวินิจฉัย:
ไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการใดที่จำเพาะสำหรับไข้รูมาติก การวินิจฉัยอาศัยการประเมินจาก:
เกณฑ์การวินิจฉัยของ Jones (Jones Criteria): แพทย์จะวินิจฉัยเมื่อมีหลักฐานการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสร่วมกับ:
มีอาการหลัก 2 ข้อขึ้นไป หรือ
มีอาการหลัก 1 ข้อ และอาการรอง 2 ข้อขึ้นไป
หลักฐานการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส:
การเพาะเชื้อจากลำคอ (Throat Culture) พบเชื้อ Group A Streptococcus
การตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ (เช่น ASO Titer หรือ Anti-DNase B) ซึ่งแสดงว่าเคยมีการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสมาก่อน
การตรวจอื่นๆ:
การตรวจเลือด: เพื่อดูค่าการอักเสบ (ESR, CRP) และค่าเม็ดเลือดขาว
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): เพื่อดูความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram): เพื่อประเมินความเสียหายของลิ้นหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ
การรักษา:
เป้าหมายของการรักษาคือการกำจัดการติดเชื้อ, บรรเทาอาการ, และป้องกันการเกิดโรคหัวใจรูมาติกในระยะยาว:
ยาปฏิชีวนะ:
กำจัดเชื้อ: ให้ยาปฏิชีวนะ (มักเป็น Penicillin) เพื่อกำจัดเชื้อสเตรปโตคอคคัสที่อาจยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย แม้ว่าไข้รูมาติกจะเป็นการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน แต่การกำจัดเชื้อให้หมดจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นซ้ำ
ป้องกันการเป็นซ้ำ (Secondary Prophylaxis): ผู้ป่วยที่เคยเป็นไข้รูมาติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีภาวะหัวใจอักเสบ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (หลายปี หรือจนถึงอายุที่กำหนด) เช่น Benzathine Penicillin ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 3-4 สัปดาห์ หรือยากิน Penicillin V วันละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำและการเกิดโรคหัวใจรูมาติกที่รุนแรงขึ้น
ยาต้านการอักเสบ:
Aspirin: ใช้เพื่อลดอาการปวดข้อและลดการอักเสบ
Corticosteroids (สเตียรอยด์): อาจใช้ในกรณีที่มีภาวะหัวใจอักเสบรุนแรง เพื่อลดการอักเสบของหัวใจ
การดูแลตามอาการ:
พักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะในรายที่มีหัวใจอักเสบ อาจต้องจำกัดกิจกรรม
ให้ยาแก้ปวดตามอาการ
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่สุด:
โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease - RHD): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดและเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและความพิการในระยะยาว หากหัวใจเกิดการอักเสบซ้ำๆ โดยเฉพาะลิ้นหัวใจ (เช่น ลิ้นหัวใจไมตรัล, ลิ้นหัวใจเอออร์ติก) จะเกิดความเสียหายถาวร ทำให้ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วได้ ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ (เช่น Atrial Fibrillation), หรือลิ่มเลือดในหัวใจ (ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมา)
ความเสียหายต่อข้อต่อถาวร (พบน้อย): ในบางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงของข้อต่อในระยะยาว (Jaccoud arthropathy) แต่ไม่รุนแรงเท่า RHD
การป้องกันไข้รูมาติก:
การป้องกันไข้รูมาติกทำได้โดยการรักษาการติดเชื้อคอจากเชื้อ Group A Streptococcus ให้ถูกต้องและครบถ้วนทันทีที่วินิจฉัยได้:
พบแพทย์เมื่อเจ็บคอ: หากมีอาการเจ็บคอเฉียบพลัน, ไข้, ต่อมทอนซิลแดง มีจุดหนอง, หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อสเตรปโตคอคคัส
รับประทานยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง: หากแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส ให้รับประทานยาปฏิชีวนะ (ส่วนใหญ่คือ Penicillin) ให้ครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อกำจัดเชื้อให้หมดและป้องกันการเกิดไข้รูมาติก
สุขอนามัยที่ดี: ล้างมือบ่อยๆ, หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเจ็บคอ, ไม่ใช้ภาชนะร่วมกัน เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
ไข้รูมาติกไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสามารถติดต่อกันได้ ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อและการรักษาอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะที่รุนแรงนี้