แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
ไต เป็นอวัยวะภายในร่างกายของเรา รูปร่างเป็นเม็ดถั่วแดง อยู่ข้างหลังสองข้าง มีหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายในรูปปัสสาวะ และมีหน้าที่ปรับสมดุลน้ำกรดด่างในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนอีกด้วย ดังนั้นถ้าไตทำงานผิดปกติไปจะทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ โรคไตเรื้อรังถือว่าเป็นฆาตรกรเงียบ เนื่องจากในระยะแรกนั้นอาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่จะเริ่มมีอาการเมื่อตอนที่ไตเสียหายไปพอสมควรแล้ว จนเข้าสู่โรคไตเรื้องรังระยะสุดท้าย ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต ดังนั้นการสังเกตสัญญาณ หรืออาการโรคไตนั้นสำคัญ


โรคไตคืออะไร

โรคไต คือ ภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ มีหลายชื่อเรียก เช่น ไตวาย ไตเสื่อม ไตทำงานลดลง แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ 1.โรคไตเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ และ 2. โรคไตเรื้อรัง ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลามากกว่า 3 เดือนขึ้นไป รักษาไม่หายขาดและอาจดำเนินโรคต่อเนื่องจนเข้าสู่โรคไตเรื้องรังระยะสุดท้าย ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไต


อาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเป็นโรคไต

หากคุณมีอาการโรคไตเหล่านี้ บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นผู้ป่วยโรคไตแล้ว รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษาโดยทันที โดยอาการเตือนมีดังนี้


1. อาการบวม หน้าบวม ขาบวม

เกิดจากไตไม่สามารถขับน้ำและเกลือได้อย่างปกติ จนเกิดการคั่งของน้ำและเกลือ ส่งผลให้เกิดอาการบวมตามร่างกายขึ้น เช่น อาการบวมบริเวณเปลือกตา ใบหน้า เท้า และหน้าแข้ง โดยจะเห็นได้ชัดเจนในตอนที่ยืน หรือเดินนานๆ โดยที่สามารถตรวจง่ายด้วยการใช้นิ้วกดลงไปที่เท้า หรือหน้าแข้งค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที แล้วสังเกตว่ามีการบุ๋มลงไปหรือไม่ หากมีรอยบุ๋มอย่างชัดเจนแสดงว่าคุณอาจเป็นโรคไตแล้ว


2. ปัสสาวะมีฟอง

การขับปัสสาวะมีฟอง เกิดจากการมีโปรตีนไข่ขาว หรือโปรตีนอัลบูมิน (Albumin) รั่วออกมาในปัสสาวะ ซึ่งอาจเป็นอาการของภาวะโรคไตเรื้อรัง โดยสามารถสังเกตได้เวลาถ่ายปัสสาวะแล้วมีฟองเกิดขึ้น หรือเมื่อกดน้ำล้างแล้วแต่ก็ยังมีฟองหลงเหลืออยู่


3. ปัสสาวะเป็นเลือด

ในภาวะปกติ ปัสสาวะจะมีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีเข้ม ขึ้นกับปริมาณน้ำที่รับประทานในขณะนั้นๆ แต่ถ้ามีลักษณะที่ปัสสาวะมีเลือดปนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือลักษณะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ สีแดง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติเกิดขึ้นกับไต หรือ อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในทางเดินปัสสาวะได้เช่นกัน


4. ปัสสาวะกลางคืนบ่อยกว่าปกติ

ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับปกติ จะไม่ได้ดื่มน้ำ การทำงานของไตจะมีหน้าที่ดูดกลับน้ำ ทำให้ปริมาณปัสสาวะลดลงและถูกเก็บในกระเพาะปัสสาวะ จึงไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะ โดยปกติในแต่ละคืนจะลุกมาปัสสาวะไม่เกิน 1-2 ครั้ง แต่ถ้าไตมีความผิดปกติ เช่น โรคไตเรื้อรัง ซึ่งไตจะไม่สามารถดูดกลับน้ำได้เท่าปกติ จะทำให้ผู้ป่วยต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยมากขึ้น หรือประมาณ 4-5 ครั้ง/คืน


5. ปวดเอว ปวดหลังมากผิดปกติ

อาการปวดนั้นอาจจะพบที่บริเวณเอว หรือหลัง เกิดจากรอยโรคที่บริเวณไต ซึ่งอยู่บริเวณหลังเอวทั้ง 2 ข้าง โดยสาเหตุมักเกิดจาก นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ หรืออาจเกิดจากโรคถุงน้ำที่ไต หรือเนื้องอกของไตก็ได้


6. ความดันโลหิตสูงมากผิดปกติ

ความดันโลหิตสูงมากผิดปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี หรือความดันโลหิตสูงที่คุมได้ยากโดยจำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิดในการควบคุม สาเหตุอาจเกิดจากโรคไต เช่น ไตอักเสบ ไตวาย หรือ เส้นเลือดไปเลี้ยงไตตีบ เป็นต้น


7. คลื่นไส้อาเจียนมาก

หากคุณมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก เบื่ออาหารร่วมด้วย อาจเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจงต่อโรคใดโรคหนึ่ง แต่ในโรคไตเรื้อรังนั้น จะทำให้มีอาการเหล่านี้ได้เช่นกัน รวมทั้งอาการเหล่านี้มักเกิดในโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการบำบัดทดแทนไตในที่สุด



เช็กด่วนอาการแบบไหน บ่งบอกว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคไต อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/298

2
อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อ

 “โควิดติดซ้ำได้ไหม”

“ทำ Home Isolation ที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย”

“กักตัวครบแล้ว ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร”

“หายป่วยจากโควิดแล้ว ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน”

“ฉีดวัคซีนหลายชนิดปนกัน จะเป็นอันตรายไหม”

“ดูแลตัวเองอย่างไรให้รอดจากโควิดซีซั่นนี้”

แพทย์หญิงวรฉัตร เรสลี (คุณหมอเมย์) อายุรแพทย์เฉพาะทางโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลศิครินทร์จะมาอัพเดทตอบคำถาม และข้อสงสัยที่ผู้ป่วยมักจะถามคุณหมอกันบ่อยๆ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้กัน

Covid ติดซ้ำได้ไหม?

โดยปกติแล้ว ข้อมูลการติดเชื้อโควิดซ้ำๆ ก่อนหน้าที่จะมีโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเกิดขึ้นมา ได้มีการเก็บข้อมูลมาเป็นระยะ พบว่า ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากที่ได้รับเชื้อมาแล้วผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อมาจะยังไม่มีการติดเชื้อซ้ำ ภายใน 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ แต่หากเลยระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สามารถมีโอกาสที่จะติดเชื้อซ้ำได้ โดยความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำจะมีเทียบเท่ากันกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

ประกอบกับการได้รับวัคซีน จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยพบว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเข็มที่ 3 หรือ เข็มที่ 4 จะสามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากโควิด-19 ได้ 2-3 เท่า (อ้างอิงข้อมูลจาก: วารสารทางการแพทย์นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซิน, ประเทศอิสราเอล)

แต่สำหรับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ได้มีการพบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการติดเชื้อซ้ำ โดยพบผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อซ้ำภายใน 1-2 เดือนแรกหลังจากที่ได้รับเชื้อมา โดยวิธีในการพิสูจน์การติดเชื้อซ้ำ ดูได้จากค่า CT (Cycle threshold) หรือ ค่าการเพิ่มของสารพันธุกรรมไวรัสโควิด จากการตรวจ RT-PCR พบว่า มีค่าลดลง และมีอาการขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่ผู้ป่วยไม่มีไข้ กลับมามีไข้สูงอีกครั้ง โดยจากการศึกษาข้อมูลทั่วโลกพบว่า มีการติดเชื้อซ้ำได้ภายใน 1-2 เดือนแรก มากถึง 10-20%

Home Isolation เมื่อต้องกักตัวที่บ้าน จะอยู่ร่วมกับผู้ไม่ติดเชื้ออย่างไรให้ปลอดภัย

Covid-19 มีระยะเวลาในการแพร่เชื้อสูงสุด คือ ช่วง 2 วันก่อนที่จะมีอาการ ไปจนถึง 5 วันหลังมีอาการ หลังจากนั้นความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เมื่อระยะเวลาผ่านไป

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเยอะ เช่น ไอมาก ไข้สูง ปอดอักเสบ น้ำมูกเยอะ จะสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือไม่มีอาการเลย อีกกรณีหนึ่ง คือ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง จะมีโอกาสในการแพร่เชื้อได้มากกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น ได้แก่

    ผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
    เด็ก ที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี
    ผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง เช่น
        ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
        ผู้ป่วยที่ต้องล้างไต
        ผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก
        ผู้ป่วยที่ต้องรับประทานยากดภูมิ
        ผู้ป่วย HIV (ที่มี CD4 ต่ำกว่า 200 / ผู้ป่วยขาดยา)

สำหรับกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง จะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่าปกติ ในบางรายสามารถแพร่เชื้อได้นานมากกว่า 30-50 วัน

คุณหมอเตือน อันตรายแค่ไหน? หากผู้ป่วยโรคเบาหวานติดเชื้อโควิด

โควิด-19 ติดต่อทางไหน? การแพร่เชื้อโควิด-19 สามารถแพร่เชื้อได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ การติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่ง (Droplet) ถือเป็นช่องทางหลักโดยคิดเป็นร้อยละ 80-90 ไม่ว่าจะผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ละอองฝอยจากผู้ป่วย รองลงมาคือ การติดต่อผ่านการสัมผัส (Contact) การหยิบเอกสาร หรือสิ่งของส่งให้กัน ผู้ที่สัมผัสเชื้อเอามือไปสัมผัสใบหน้า จมูก ตา ปาก ซึ่งเป็นช่องทางในการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องทำ Home Isolation

ผู้ติดเชื้อไม่ว่ามีอาการมากหรืออาการน้อย ควรแยกตัวอยู่ในห้องคนเดียว เป็นระยะเวลา 7-10 วัน
แยกการใช้ห้องน้ำส่วนตัว (ถ้าเป็นไปได้) ในกรณีที่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่นในบ้าน ให้ใช้ห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย แล้วทำความสะอาด ปิดฝาชักโครกทุกครั้งก่อนกดชักโครก
หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนในบ้านโดยที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย
รับประทานอาหารคนเดียว ไม่รับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น แยกของใช้ส่วนตัว ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน
ติดต่อผู้อื่นในบ้านให้น้อยที่สุด หากต้องพูดคุยกันให้รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1.5 – 2 เมตร  โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

    ไม่อยู่รวมกันกับผู้อื่นในบ้าน พื้นที่อับอากาศ หรือห้องที่ปิดมิดชิด ควรจัดให้มีการระบายอากาศที่ดี

กักตัวครบแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไปดี?

“กักตัวครบ 10 วันแล้ว หายป่วยแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อดี ปลอดภัยสำหรับคนอื่นหรือยัง” คุณหมอจะขอแบ่งออกเป็น 2 กรณีด้วยกัน ดังนี้

กรณี 1: หากไม่มีอาการใดๆ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กรณี 2: หากมีอาการแสดง เช่น ไอ หรือ ไอมีเสมหะปนเลือด เดิมไม่มีไข้แต่กลับมามีไข้ใหม่ มีไข้ต่อเนื่องนานตลอด 10 วันที่กักตัว เหนื่อยมากขึ้น ท้องอืด ท้องเสีย แนะนำให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการ

ปลอดภัยสำหรับคนรอบข้างหรือยัง? ในกรณีที่ภูมิคุ้มกันปกติ ไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ถือว่าปลอดภัยสำหรับคนรอบข้างแล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องทำการตรวจ RT-PCR ซ้ำ เพราะความเสี่ยงในการแพร่เชื้อจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อผ่านไป 7-10 วัน

หากต้องอยู่ร่วมกันกับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน สามารถตรวจ ATK อีกครั้ง เมื่อครบ 10 วัน ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อกักตัวครบ 10 วัน หากตรวจ ATK ผลตรวจที่ได้มักจะเป็น ผลลบ (-) หรือผลบวก (+) มีลักษณะเป็น 2 ขีดจางๆ ซึ่งดังกล่าว ถือเป็น “ซากเชื้อ” ไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้

ในผู้ป่วยบางราย อาจพบผลตรวจ ATK เป็นผลบวก (+) มีลักษณะ 2 ขีดเข้ม ในกรณีนี้ แนะนำให้แยกตัวออกจากผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อ อีกอย่างน้อย 7 วัน และทำการตรวจ ATK ซ้ำอีกติดกันเป็นเวลา 2 วัน โดยในช่วง 7 วันนี้ ควรแยกตัวจากผู้อื่น รับประทานอาหารคนเดียว และไม่ไปคลุกคลีใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยงข้างต้น


ตรวจโควิด-19 RT-PCR vs ATK ต่างกันอย่างไร?

ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน?

สำหรับการฉีดวัคซีน เป็นคำถามที่หมอพบบ่อยมาก และผู้ป่วยค่อนข้างมีความสับสนเกี่ยวกับการรับวัคซีน ผู้ป่วยที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 จำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้อีก เมื่อครบระยะกักตัวแล้วควรไปรับวัคซีน โดยมีคำแนะนำเกี่ยวกับการรับวัคซีน ดังนี้

    กลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
        ควรไปรับวัคซีนเข็มที่ 1 หลังจากครบระยะกักตัว (ถ้าไม่มีอาการใดๆ) และรับวัคซีนให้ครบโดส
        รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
    กลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
        ได้รับวัคซีน (เข็มที่ 2) มาแล้วเกินระยะเวลา 3 เดือน สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) เมื่อครบระยะเวลา 1 เดือน หลังจากวันที่พบเชื้อ

(หมายเหตุ)

    หากอยู่ในระยะกักตัว ไม่แนะนำให้ไปรับวัคซีน ควรรอจนพ้นระยะก่อน
    หากได้รับวัคซีนในขณะที่ติดเชื้อ แบบไม่มีอาการโดยไม่รู้ตัว ไม่มีผลอันตรายใดๆ
    ผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด-19 มาก่อน ไม่มีผลอันตรายเพิ่มขึ้นจากการรับวัคซีน

ฉีดวัคซีนหลายชนิดปนกัน จะเป็นอันตรายไหม?

อย่างที่เราทราบกันดีว่าปัจจุบัน ประชาชนในประเทศไทยมีการรับวัคซีนหลายชนิดปนกัน ไม่ว่าจะเป็น วัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccines) วัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector Vaccines) วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA Vaccine) จากการศึกษายังไม่พบหลักฐานว่า การรับวัคซีนหลายชนิดปนกันเป็นอันตราย แต่การไม่รับวัคซีนอาจเกิดอันตรายจาก Covid-19 ได้ เพราะทำให้เกิดปอดอักเสบ และนำไปสู่การเสียชีวิตได้


Covid-19 เราต้องรอด!

เอาตัวรอดอย่างไรจากโควิดซีซั่นนี้? โควิดที่ว่าน่ากลัว ยังไม่น่ากลัวเท่าลองโควิด (Long Covid) โดยอาการส่วนใหญ่ที่มักพบในผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว มักมีอาการไอมาก ผิวแห้ง ผมร่วง และประจำเดือนมาเลื่อนไปในผู้ป่วยสุภาพสตรี


Post Covid-19 Condition อาการที่พบได้หลังหายจากโควิด-19

สำหรับคำแนะนำในการดูแลป้องกันตนเองยังคงเหมือนเดิมเหมือนอย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มเติมในรายละเอียด ดังนี้

ฉีดวัคซีนให้ครบโดส และรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4)
ใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี โดยใส่ให้แนบหน้าครอบตั้งแต่จมูกถึงคาง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากากในระหว่างวัน และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ
หมั่นล้างมืออยู่เสมอด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ
ให้เช็ดทำความสะอาดสิ่งของที่ได้รับมาจากพัสดุ ก่อนใช้งานทุกครั้ง


Post Covid 19 Condition อาการที่พบได้หลังหายจากโควิด-19 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/covid-19

3
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” ตราเอ็มเมด แพ็ค 7 ซอง/กล่อง

เหนื่อย เฉื่อย ชา ล้าสมอง
แฮงก์ มึนตึบ ง่วงนอน

ต้อง เอ็มเมด ออน เลย
แค่ฉีกแล้วเทใส่ปาก ดูดซึมไว หายมึนตึบ

วิตามินที่เป็นผง ละลายในปาก ดูดซึมได้ดีกว่า วิตามินที่เป็นเม็ด
จะเล่นเกมส์หนัก ดูซีรี่ย์ดึก ทำงานกะดึก
ตื่นสายแค่ไหน ก็แค่ ฉีกซอง กรอกปาก แล้วดื่มน้ำตาม
สดชื่นทันที ขับขี่ปลอดภัย พร้อมทุกสถานการณ์
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน วิตามินผงละลายในปาก
ดูดซึมไว ช่วยให้ร่างกายสดชื่นได้ทันที
ปลอดภัยกว่า ควบคุมโดยเภสัชมหิดล

ส่วนประกอบสำคัญ ใน เอ็มเมด ออน
L-Glutamine (100%) 200 mg.
Coenzyme Q10 (10%) 50 mg.
Goji berry extract 50 mg.
Zinc amino acid chelate (20%) 50 mg.
L-Glutathione (100%) 50 mg.
Blueberry juice powder 50 mg.
Taurine (100%) 20 mg.
Niacinamide (B3) (100%) 20 mg.
Thiamine hydrochloride (B1) 1 mg.

ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน
ผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกาย ด้วยการสารสกัด Goji berry ที่มีวิตามิน C สูง และเสริมสร้างพละกำลังให้ร่างกายด้วย Taurine, Q10, L-Gluamine รวมทั้งวิตามิน B1, B3 และ Zinc ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
แถมท้ายด้วย Blueberry juice ที่ช่วยบำรุงสมองควบคู่ไปด้วย
เลขที่ใบจดแจ้ง อย : 13-1-15859-5-1159
รับประทานวันละ 1 ซอง (3 กรัม)
เทผลิตภัณฑ์กรอกใส่ปาก เคี้ยว ก่อนกลืน ดื่มน้ำตาม

สารกระตุ้น ที่ขายในท้องตลาด
ปลอดภัยกับร่างกายมากน้อยแค่ไหน!!!
ส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่!!!
ผลิตภัณฑ์ เอ็มเมด ออน ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า โดยเภสัชมหิดล
สำหรับคนนอนดึก เข้ากะดึก ง่วง หงาว หาว อยากนอน
แค่ ฉีก ซอง ใส่ปาก แล้วดื่มน้ำตาม ก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึก สดชื่น ได้ทันที
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กล่อง      315    บาท
2 กล่อง      599    บาท
3 กล่อง      859     บาท

สนใจสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ออน” (ตราเอ็มเมด)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์ https://mmed.com/promotions/




4
รู้จัก Doctor At Home
Doctor at Home คือแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอาการเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ ข้อมูลโรคที่รอบด้าน ทั้งอาการ สาเหตุ วิธีรักษา การป้องกัน ไปจนถึงการดูแลตนเอง อีกทั้งยังรวมข้อมูลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้งานของเรา

Doctor at Home โปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจอาการเบื้องต้นแบบ interactive ที่จะทำให้ผู้ใช้งานรู้ข้อมูลเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็น รวมไปถึงวิธีปฏิบัติตัวเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ โดยโปรแกรมนี้ได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 1” ของ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาจัดทำให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน LINE

ข้อมูลโรค พร้อมโปรแกรม “หมอประจำบ้าน” อัจฉริยะ ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ผู้ใช้งานสามารถอ่านข้อมูลโรค อาการ สาเหตุ การป้องกันและการรักษา เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลตัวเอง โดยเราได้นำข้อมูลจาก “ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2” โดย รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และข้อมูลโรคที่ รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ อดีตอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเพิ่มเติมมารวบรวมไว้ในเว็บไซต์ของเรา
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่หลังจากอ่านข้อมูลโรคแล้ว ท่านยังสามารถตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ ว่าท่านมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
มีแล้วอุ่นใจ เจ็บป่วย ช่วยเหลือฉุกเฉิน แค่ Add LINE @DoctorAtHome ให้มาเป็น “หมอประจำบ้าน” คอยดูแลคุณอยู่ใกล้ๆ

ไลน์ ID  :  @DoctorAtHome
เว็บไซด์: https://doctorathome.com/




5
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



6
ยามาฮ่า Yamaha XMAX Connected ปี 2024
Yamaha XMAX CONNECTED หนึ่งเดียวต้อง MAX ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ คอนเน็คเต็ด ใหม่! พรีเมียมสปอร์ตออโตเมติกที่สะท้อนความภูมิใจในตัวตน บ่งบอกถึงสไตล์อย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ซูเปอร์สปอร์ตออโตเมติกที่เป็นเอกลักษณ์ของ MAX SERIES พร้อมเทคโนโลยีจอสี TFT เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสุดล้ำ ทันสมัยด้วยระบบนำทางจาก GARMIN สปอร์ตเต็มสมรรถนะ สัมผัสได้ถึงการขับขี่ที่แตกต่าง การันตีด้วยรางวัล Bike of the Year และคุ้มค่าด้วยการรับประกันนาน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 ก.ม.*

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Yamaha
   รุ่น                  ยามาฮ่า Yamaha XMAX Connected ปี 2024
   ประเภทรถ         รถครอบครัวแบบสกู๊ตเตอร์, Sport Scooter
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา               191,100 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์              เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์                แบบสายพานตัววี (V – Belt)
   รายละเอียดเครื่องยนต์  1 สูบ 4 วาล์ว SOHC
   ระบบระบายความร้อน   น้ำ
   ระบบสตาร์ท             สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC) 292 CC
   แบบเครื่องยนต์         4 จังหวะ (BLUE CORE)
   ระบบจุดระเบิด          TCI
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง   แก๊สโซฮอล์ E20, แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 91
   ระบบจ่ายน้ำมัน           หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)  13 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน         ล้อหน้า เทเลสโคปิค, ล้อหลัง ยูนิตสวิง
   ระบบเบรค                ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ABS)
   แบบวงล้อ                แม็ก
   ขนาดยาง                 ล้อหน้า 120/70-15 M/C 56P, ล้อหลัง 140/70-14 M/C 62P
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,180 X 795 X 1,410/1,460
   น้ำหนักตัวรถ                     181.00 กก.


มอเตอร์ไซด์ใหม่ 2024: ยามาฮ่า Yamaha XMAX Connected ปี 2024 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/

7
ปัญหาการเงินเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใครนะคะ หากต้องการเงินด่วน การเดินเข้าไปขอสินเชื่อนอกระบบหรือกู้เงินนอกระบบ อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักนะคะ เพราะตอนนี้มีช่องทางมีสินเชื่อถูกกฎหมายที่พร้อมสำหรับทุกคนที่มีปัญหาการเงินค่อนข้างเยอะเลยล่ะค่ะ ถ้าหากต้องการเงินด่วนขึ้นมาจริง ๆ จะเลือกสินเชื่อแบงก์ไหนดีล่ะ รวมถึงต้องเตรียมตัวเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ดูเพิ่มเติม วิธีเตรียมเอกสารขอสินเชื่อให้ผ่านง่าย ๆ

กู้เงินด่วนที่ไหนดี?
ลองไปดูกันค่ะหากเราต้องการเงินแบบด่วน ๆ  จะมีช่องทางไหนบ้างที่เราจะกู้ได้
 
กู้เงินด่วนกับธนาคาร
ปัจจุบันมีหลายธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อแบบฉุกเฉินด้วย ซึ่งสามารถขอกู้เงินด่วนได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ ของธนาคารนั้นได้เลย ซึ่งน่าเชื่อถือ และปลอดภัยแน่นอน
 

แอปฯ กู้เงินออนไลน์
ต้องบอกว่าแอปฯ กู้เงินออนไลน์เป็นช่องทางที่ง่ายและมีความยืดหยุ่นมากเลยค่ะ ปัจจุบันมีแอปฯ กู้เงินออนไลน์ถูกกฎหมายให้ได้เลือกมากมาย และบางแอปฯ ยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารอีกด้วย
 
เตรียมตัวกู้เงินฉุกเฉินยังไง
1. หาข้อมูลสินเชื่อที่สนใจ
ก่อนยื่นขอสินเชื่อสิ่งแรกที่ควรทำคือการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อประเภทนั้น ๆ ที่ต้องการก่อนนะคะ เช่น ฐานเงินเดือน  คุณสมบัติที่กำหนดต่าง ๆ  นอกจากนั้นควรศึกษารายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สินเชื่ออะไร อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
 
2. เตรียมเอกสารการสมัคร
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยให้การอนุมัติหรือพิจารณาสินเชื่อรวดเร็วขึ้นนะคะ แนะนำให้สอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครอย่างละเอียด เพื่อจะได้ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วนั่นเองค่ะ
 
3. ยอดภาระหนี้เดิมไม่ควรไม่สูงเกินไป
สถาบันการเงินจะพิจารณาหนี้เดิมที่เรามีอยู่ก่อนอนุมัติสินเชื่อใหม่ด้วย แต่หากไม่มีภาระหนี้ใด ๆ ก็มีโอกาสที่ทางสถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อให้ได้ง่าย
 
4. หลักฐานทางการเงิน
เรื่องหลักฐานทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ในมุมมนุษย์เงินเดือนก็มีงสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือนกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจหรือประกอบอาชีพอิสระ อาจจะต้องใช้ Statement ย้อนหลัง หรือบัญชีเงินฝากเพื่อประกอบการขอสินเชื่อด้วย
 
5. ระยะเวลาการขอสินเชื่อ
หากเคยถูกปฏิเสธสินเชื่อ ควรเว้นระยะขอสินเชื่อใหม่ไปอีกประมาณ 2-6 เดือนนะคะ การยืนขอสินเชื่อบ่อย ๆ ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องเลยนะคะ
 

รีไฟแนนซ์บ้าน 2567 ที่ไหนดีบ้าง: ต้องการเงินฉุกเฉิน สินเชื่อแบงก์ไหนดี ใช้เอกสารอะไรบ้าง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111491

8
เชื้อร้าย ฝุ่น มลภาวะเปลี่ยนปอดพัง เป็นปอดปัง ตัวช่วยสำคัญ “กระชายพลัส เอ็มเมด”บรรเทาอาการนอนน้อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหนื่อยง่าย

คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชายขาว ซึ่งมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ สาร Pandulatin A และสาร Pinostrobin ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ 100%

จากงานวิจัยกระชาย มหาวิทยาลัยมหิดล
คุณรู้หรือไม่!!! สารสกัดกระชาย 4 ชนิด คือสาร Pinostrobin, Pinicembrin, Panduratin A และ Alpinetin ที่สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผู้ป่วย ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียได้

จากงานวิจัยกระชาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

มหาวิทยาลัยมหิดล เห็นความสำคัญของ สารสกัดกระชายขาว จึงได้วิจัย พัฒนา และ สกัดสารสำคัญของกระชายขาว ที่มีคุณภาพ
จึงเป็นที่มาของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)

ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      199    บาท
2 กระปุก      359    บาท
3 กระปุก     499     บาท


เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร

ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด”
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก

สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/



9
ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราจะเริ่มทำงานเมื่อร่างกายได้เจอกับสิ่งแปลกปลอม เช่น จุลินทรีย์ที่บุกรุกเข้ามา ละอองเกสรพืช หรือสารเคมี สารปลอกปลอมเหล่านี้มักก่อให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่าการอักเสบ ซึ่งการอักเสบมักมาพร้อมกับกระบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอม

     
บางครั้งการอักเสบก็สามารถเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่าร่างกายของเราอาจจะไม่ได้ถูกคุกคามจากสิ่งแปลกปลอม ซึ่งโรคร้ายต่าง ๆ มากมาย เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน โรคข้ออักเสบ ภาวะซึมเศร้า และอัลไซเมอร์ ก็ล้วนมีความเชื่อมโยงกับการอักเสบเรื้อรัง หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังในการช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบคืออาหารและเครื่องดื่มที่มีสารอาหารสูงและมีสรรพคุณในการช่วยต้านการอักเสบ ซึ่งอาหารที่ช่วยเราได้ มีดังนี้


5 อาหารลดอักเสบ ต้านโรคมะเร็ง

 
1. น้ำมันปลา

ในน้ำมันปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน้ำมันปลายังมีสารประกอบ 2 ชนิด คือ กรดโดโคซาเฮกซาอิโนอิก (DHA) และ กรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก (EPA) ซึ่งอาจช่วยลดการอักเสบและอาขช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

 
2. ขมิ้น

เคอร์คูมินเป็นหนึ่งในสารประกอบโพลีฟีนอลในขมิ้นที่ให้สีเหลือง และถือเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ยังเป็นสารที่ดีในการช่วยต่อสู้กับภาวะสุขภาพเรื้อรังหลายอย่างรวมถึงมะเร็งด้วย เคอร์คูมินอาจช่วยลดการอักเสบและช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจ และด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ดี ก็อาจทำให้ขมิ้นช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย และลดผลกระทบจากความเครียด

 
3. ขิง

ขิงมีสารประกอบตามธรรมชาติมากกว่า 400 ชนิด และหลายชนิดทำหน้าที่เป็นสารต้านการอักเสบที่ดี ซึ่งรวมถึงจินเจอรอลและซิงเจอโรน และที่สำคัญการกินขิงอาจช่วยลดระดับของลิวโคไตรอีน (leukotriene) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย

 
4. ชาเขียว

ชาเขียวทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีผลในการลดการอักเสบ เนื่องจากสารประกอบในชาเขียวสามารถช่วยลดการทำงานของเอนไซม์และโปรตีนที่เรียกว่าไซโตไคน์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ และยังสามารถช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ อย่างเช่นมะเร็งได้ด้วย

 
5. องุ่น

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารประกอบโพลีฟีนอลที่พบตามธรรมชาติในองุ่นแดงซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในเรสเวอราทรอลสามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายโดยการปกป้องเซลล์จากความเสียหายและช่วยปกป้องเยื่อบุหลอดเลือด


อาหารสุขภาพ ลดอักเสบ ต้านโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงโรคอันตราย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

10
การเลือกรับประทานอาหารส่งผลมากกว่าแค่การให้พลังงานกับร่างกาย เเพราะการรับประทานอาหารที่ดียังส่งผลทำให้การนอนหลับของเรามีประสิทธิภาพดีขึ้นได้ด้วย อาหารมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำหนัก สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด และระบบอื่นๆ อีกมากมายในร่างกาย ด้วยเหตุนี้การเลือกรับประทานอาหารที่ดีจึงช่วยให้ภายในร่างกายเกิดความสมดุล

ในขณะเดียวกันเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงและขนมหวานก็เกี่ยวข้องกับการนอนหลับที่แย่ลง อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงสามารถส่งผลกระทบต่อการนอนไม่หลับ ดังนั้นเเพื่อให้การนอนหลับของเรามีคุณภาพทุกคืน ลองรับประทานอาหารที่ช่วยให้หลับลึกที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ค่ะ


 
1. กีวี

กีวีเป็นผลไม้รูปทรงรีขนาดเล็กมีทั้งพันธุ์สีเขียวและสีทอง กีวีมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย โดยเฉพาะวิตามิซีและวิตามินอี ตลอดจนโพแทสเซียมและโฟเลต งานวิจัยบางชิ้นพบว่าการกินกีวีช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นได้ โดยคนที่กินกีวี 2 ลูกก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง พบว่าสามารถหลับได้เร็วขึ้น นอนหลับมากขึ้น และมีคุณภาพการนอนหลับดีขึ้น นักวิจัยเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถช่วยจัดการกับภาวะการขาดโฟเลต และการขาดเซโรโทนิน

 
2. เชอร์รี่

จากการวิจัยของศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพ วิทยาศาสตร์และสุขภาพ สหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำเชอร์รี่ 1 - 2 แก้วต่อวัน พบว่ามีเวลานอนหลับโดยรวมมากกว่าและมีประสิทธิภาพในการนอนหลับที่สูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจมาจากเชอร์รี่มีความเข้มข้นของเมลาโทนินสูง ซึ่งเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจและส่งเสริมการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ เชอร์รี่ทอาจยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยเอื้อให้การนอนหลับของเราเป็นนไปง่ายขึ้น

 
3. นมมอลต์

นมมอลต์ทำจากข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ พร้อมด้วยน้ำตาลและวิตามินหลากหลายประเภท จากการศึกษาพบว่าการดื่มนมมอลต์ก่อนนอนสามารถช่วยลดอาการนอนไม่หลับและนอนหลับไม่สนิท ในนมมอลต์มีวิตามินบีและวิตามินดีสูง รวมถึงยังมีเมลาโทนินซึ่งสามารถช่วยให้เรานอนหลับตามธรรมชาติได้

 
4. ปลาที่มีไขมันดี

การวิจัยพบว่าปลาที่มีไขมันดีอาจเป็นอาหารที่ดีสำหรับการช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น จากการศึกษาในช่วงหลายเดือนพบว่าผู้ที่กินปลาแซลมอน 3 ครั้งต่อสัปดาห์จะมีการนอนหลับโดยรวมที่ดีขึ้น รวมถึงการทำงานในเวลากลางวันดีขึ้นด้วย นักวิจัยเชื่อว่าปลาที่มีไขมันดีอาจช่วยให้นอนหลับได้โดยการให้วิตามินดีและกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่เพียงพอต่อสุขภาพ ซึ่งสารอาหารทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมเซโรโทนินในร่างกาย

 
5. ถั่ว

ถั่ว เช่น อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มักถือเป็นอาหารที่ดีสำหรับการนอนหลับ แม้ว่าปริมาณในการกินอาจแตกต่างกันไป แต่ในถั่วมีเมลาโทนิน รวมถึงยังมีแร่ธาตุอื่นที่สำคัญต่อการนอน เช่น แมกนีเซียมและสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย

 
6. ข้าวไม่ขัดสี

จากการศึกษาพบว่าการบริโภคคาร์โบไฮเดรตก่อนอน สามารถช่วยให้เรานอนหลับดีขึ้น การวิจัยในประเทศญี่ปุ่นพบว่า ผู้ที่กินข้าวไม่ขัดสีเป็นประจำสามารถนอนหลับได้ดีกว่าผู้ที่กินขนมปังหรือบะหมี่ การศึกษานี้ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของการรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำประมาณ 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน สามารถช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น


อาหารสุขภาพ ช่วยให้หลับลึก นอนหลับได้เร็ว หลับสนิทยันเช้า อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

11
ฟัน ถือได้ว่าเป็นอวัยวะที่สำคัญอันดับต้นๆ ที่ใช้งานหนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา แต่ก็มีหลายๆคนที่เริ่มหันมาเห็นความสำคัญและดูแลเมื่อสายไปเสียแล้ว

ช่องปากก็เช่นกัน หลายคนละเลยทั้งที่แท้จริงควรเริ่มดูแลตั้งแต่แรกเกิด เพื่อไม่ให้เกิดการส่งต่อปัญหาช่องปากในระยะยาว งานวิจัยเกี่ยวกับทันตกรรมมากมายชี้ชัดว่าการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่ารอควรเริ่มทำตั้งแต่แรกเกิดอย่างสม่ำเสมอ

หลายๆคนที่มีบุตรหลานที่ยังอยู่ในวัยเด็กเล็กส่วนใหญ่จะคิดว่าค่อยไปดูแลฟันและช่องปากอย่างจริงจังเมื่อเริ่มมีฟันแท้ แต่หารู้ไม่ว่าเริ่มตอนนั้นอาจจะสายไป เพราะ ฟันน้ำนมมีค่ามากกว่าจะถูกละเลย

โดยในวันนี้ Clinic จะขอแนะคำคุณผู้อ่านให้ได้รู้จักเคล็ดลับการดูแลช่องปากและฟันของบุตรหลานท่านให้มีสุขภาพที่ดีในแต่ละช่วงอายุตั้งแต่วัยแรกเกิดจนกระทั่งถึงอายุ 18 ปี โดยมีดังต่อไปนี้


ทันตกรรมเด็ก และวิธีการดูแลช่องปากและฟัน

– แรกเกิด ถึง 2 ปี
ในช่วงวัยนี้ต้องขอบอกเลยว่า บุตรหลานอาจจะไม่มีฟันน้ำนมขึ้น แต่การดูแลสุขภาพเหงือกและช่องปากก็ยังถือได้ว่าสำคัญอยู่ดี เพราะบุตรหลานต้องดื่มนม และหากว่าไม่ได้ทำความสะอาดช่องปาก ก็อาจจะก่อให้เกิดแบคทีเรียในช่องปากได้ วิธีทำความสะอาดที่ดีในวัยนี้ก็คือ การเอาผ้านุ่มๆชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่เหงือกเพื่อขจัดคราบน้ำนมที่เกาะตามเหงือกของบุตรหลานท่าน

– ช่วงอายุ 2 ปี ถึง 4 ปี
ในช่วงนี้ บุตรหลานของท่านจะมีฟันน้ำนมขึ้นครบทั้ง 20 ซี่ และเริ่มรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่ควรให้บุตรหลานของท่านเริ่มรู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง

โดยการสอนลูกให้แปรงฟันเป็นแนวตั้ง ปัดขึ้นลงโดยใช้เวลาในการแปรงฟันให้ทั่วปากประมาณ 2 นาที โดยให้ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์โดยให้ใส่แค่พอชื้น และเมื่อมีอายุครบประมาณ 3 ปีแล้ว ให้เพิ่มปริมาณยาสีฟันให้มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว โดยแปรงอย่างละเอียดทุกซี่ โดยแปรงวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ซึ่งในช่วงอายุประมาณนี้บุตรหลานจะยังไม่สามารถแปรงฟันเองให้สะอาดได้ ผู้ปกครองจึงควรมีส่วนร่วมในการแปรงฟันให้ โดยการโอบข้างหลังแล้วยื่นแปรงสีฟันไปข้างหน้าแล้วจับมือบุตรหลานแปรงฟันอย่างละเอียดทุกซี่ เพื่อให้เขาลูกสึกเคยชินกับการแปรงฟัน พยายามทำแบบนี้จนกว่าบุตรหลานจะเริ่มแปรงฟันเองได้อย่างสะอาดไม่มีคราบเหนียวๆลื่นๆสีขาวอมเหลืองติดฟัน

– ช่วงอายุ 5 ปี ถึง 6 ปี
ในช่วงวัยนี้เด็กๆอาจจะเริ่มมีฟันแท้ขึ้น นั่นก็คือ ฟันหน้าล่าง ส่วนฟันน้ำนมจะเริ่มโยก และจะเริ่มมีฟันกรามแท้โผล่ขึ้นมาเป็นซี่สุดท้ายถัดจากฟันกรามน้ำนมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการแปรงฟันจะต้องละเอียดกว่าเดิมสำหรับด้านในปาก
ซึ่งในช่วงวัยนี้เด็กๆควรที่จะเริ่มแปรงฟันได้ด้วยตัวเองอย่างสะอาดแล้ว โดยเมื่อแปรงเสร็จให้ผู้ปกครองตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งอย่างละเอียด เมื่ออายุได้ 6 ปี เด็กๆควรหันมาใช้ยาสีฟันผู้ใหญ่ โดยบีบยาสีฟันประมาณ 1 ซ.ม. โดยใช้เวลาแปรงฟันครั้งละ 2 นาที วันละ 2 ครั้ง

– ช่วงอายุ 7 ปี ถึง 8 ปี
ในช่วงวัยนี้ถือว่าต้องรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ควรแปรงฟันแบบตั้งฉากถูกไปมาขยับสั้นๆให้ทั่วทุกซอกและซี่ฟัน และเป็นช่วงวัยที่นิยมขนมหวาน จึงควรให้ลูกเลือกรับประทานและสอนให้รู้ถึงพิษภัยของฟันผุ และควรแปรงวันละ 2 ครั้ง เช้ากับก่อนนอนทุกวันเป็นประจำ
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ พบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เป็นอย่างน้อย เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและฟัน

-ช่วงอายุ 11 ปี ถึง 18 ปี
ในวัยนี้เริ่มมีการเจริญเติบโตของใบหน้าอย่างรวดเร็ว อาจจะทำให้เด็กๆมีปัญหาเรื่องฟันสบกัน ซึ่งถ้าหากมีปัญหาเรื่องนี้ให้รีบเข้าพบทันแพทย์เพื่อจัดฟันในเด็ก ที่นิยมและทันสมัยในตอนนี้คือ EF Line ซึ่งจะมีส่วนช่วยเรื่องฟันสบกัน แล้วทำให้ใบหน้าเข้ารูปอีกด้วย แต่ควรรีบมาก่อนที่การเจริญเติบโตของกระดูกกรามจะหยุดโตเพราะอาจจะสายเกินไป



จัดฟันบางนา: ทันตกรรมเด็ก ดูแลฟันเด็ก ในแต่ละช่วงอายุ ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 18 ปี ! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

12
เชื่อว่ามีหลายๆท่าน ที่ประสบปัญหาเรื่องของฟันผิดรูป ซึ่งส่งผลอย่างมากในเรื่องของบุคลิกภาพเบื้องต้น ไม่กล้าที่จะพูดคุยติดต่องาน ไม่กล้ายิ้มกว้างอย่างมั่นใจ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร ปัญหาฟันล้มในอนาคต การที่ท่านมีรูปแบบฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการแก้ไข

แต่ก็คงมีหลายๆท่าน ที่อยากจะทำการจัดฟันให้เป็นระเบียบ แต่ไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร หรือเตรียมตัวอย่างไรในการพบทันตแพทย์เพื่อทำการจัดฟัน

อีกอย่างคือในยุคสมัยนี้มีอุปกรณ์และระบบมากมายเพื่อให้ท่านได้เลือกในการจัดฟัน ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเทคโนโลยีอุปกรณ์จัดฟันในสมัยนี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไม่สร้างปัญหาต่างๆในการใช้ชีวิตประจำวันคงหนี้ไม่พ้นการจัดฟันแบบใส Invisalign

โดยในวันนี้ทางด้านของ Clinic ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทันตกรรมโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยมาตรฐานระดับโลกกว่า 15 ปี จะขอนำรายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมตัว เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่คิดจะทำการจัดฟันได้ศึกษาเบื้องต้นกันก่อนที่จะเข้ารับการรักษา โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

– ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนการจัดฟัน

ต้องบอกเลยว่าก่อนที่ท่านผู้อ่านจะเริ่มทำการจัดฟัน คงต้องมีการเตรียมตัวก่อนเริ่มรับบริการ รวมถึงต้องทราบทุกมุมของผลที่จะตามมาในอนาคต

โดยหากว่าท่านผู้อ่านต้องการที่จะจัดฟันแน่นอนแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำเลย คือ เลือกคลีนิคที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ขอย้ำว่าสำคัญมากๆ ในการเลือกคลีนิค เพราะทันตแพทย์แต่ละคนจะมีความชำนาญที่ต่างกัน การวิเคราะห์ถึงปัญหาก็ต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสม

เมื่อท่านเลือกคลีนิคได้แล้วก็มุ่งหน้าเข้าไปหาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรึกษาและตรวจสุขภาพในช่องปาก เพื่อดูความผิดปกติต่างๆในช่องปากของท่าน เนื่องจากว่าก่อนที่จะทำการจัดฟัน ช่องปากของท่านจะต้องได้รับการรักษา ฟันผุ ฟันคุด หรือหินปูน ให้เป็นปกติเสียก่อน

หลังจากนั้นก็จะเริ่มวิเคราะห์ลักษณะฟัน การสบฟัน ฟันยื่น ฟันห่าง และฟันเก เพื่อทำการวางแผนในการจัดฟัน โดยทันตแพทย์จะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตันสินใจในการเลือกรูปแบบ ในการจัดฟัน แต่ทุกอย่างที่ท่านเลือกก็จะต้องอยู่ภายใต้การให้คำปรึกษาของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอนเช่นกัน

ซึ่งขอแนะนำว่า ท่านควรมองหาการจัดฟันแบบใส Invisalign หลังจากนั้นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะให้คำแนะนำต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่าย หากสงสัยสิ่งใดให้รีบถาม เพราะท่านจะต้องทำการจัดฟันกับทันตแพทย์ท่านนี้ไปอีกกว่า 2 ปี เลยทีเดียว

 

– ขั้นตอนการจัดฟันแบบใส Invisalign ครั้งแรก

1.    ขั้นตอนแรกเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ทันตแพทย์จะทำการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ พิมพ์ฟัน เพื่อใช้ไว้เป็นข้อมูลในการกำหนดแผนการในการรักษาของผู้ทำการจัดฟันในแต่ละราย เนื่องจากว่าทุกคนมีลักษณะฟันไม่เหมือนกัน การวางแผนในการรักษาจึงมีความแตกต่างกัน ไม่สามารถที่จะใช้สูตรสำเร็จใดๆได้

2.    ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำการส่งแบบพิมพ์ และข้อมูลต่างๆของคนไข้ ไปยังห้องแล็บอินวิสไลน์ที่ประเทศสหรัสอเมริกา (USA) เพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอนระบบวางแผนแบบ 3D ซึ่งจะใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วงวางแผนอีกรอบหนึ่ง

3.    เมื่อผ่านการวิเคราะห์ของทางด้านห้องแล็บบอินวิสไลน์ที่ประเทศสหรัสอเมริกาแล้ว ทางนั้นจะส่งแผนการรักษาอย่างละเอียดให้กับทางด้านของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการรักษาอีกครั้ง และทางด้านของทันตแพทย์จะนัดแจ้งคนไข้เพื่อแจ้งแผนการรักษา ซึ่งในขั้นตอนนี้เองท่านจะเห็นลักษณะการเรียงตัวของฟันระหว่างการรักษาและหลังการรักษา เมื่อตกลงก็จะเริ่มสั่งทำอุปกรณ์จัดฟันแบบใสต่อไป

4.    เมื่ออุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทันตแพทย์จะแจ้งเพื่อให้ท่านเข้ามารับอุปกรณ์ในการจัดฟัน ที่ได้ทำการผลิตออกมาตามแผนในการรักษาเฉพาะบุคคล

5.    เมื่อได้อุปกรณ์แล้ว ให้ท่านพยายามใส่ให้ติดปากตลอดเวลาจะถอดได้ก็ต่อเมื่อรับประทานอาหาร และแปรงฟันเท่านั้น และไปตามนัดของทันตแพทย์ทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อตรวจดูลักษณะการเคลื่อนที่ของฟัน และรับชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใสชุดใหม่ เพื่อดำเนินตามแผนการที่วางไว้เป็นขั้นตอน

6.    หลังจากที่ทำการจัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วจำเป็นจะต้องใส่รีเทรนเนอร์ต่อตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อไม่ให้ฟันของท่านกลับมาเรียงตัวผิดระเบียบหรือเกิดการซ้อนเกอีกครั้ง ถือเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมด




มือใหม่ควรรู้ จัดฟันครั้งแรก ควรเตรียมตัวอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

13
วีโว่ vivo V29e (12GB/256GB)
ดีไซน์สวย เพรียวบางไม่เหมือนใคร
ดีไซน์สวย ประทับใจเมื่อได้สัมผัส
เบาดุจขนนก บางเฉียบ
คุณภาพระดับพรีเมียม ที่ดึงดูดทุกสายตา

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                   วีโว่ vivo V29e (12GB/256GB)
   ราคากลาง                11,999 บาท ดูโทรศัพท์มือถือราคาใกล้เคียง
   จำนวนซิม                2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์                จอสัมผัส
   สี                          Black(Forest Black), Blue(Ice Creek Blue)

   ความถี่-เครือข่าย
2G
3G
5G

   ขนาด-น้ำหนัก                    ยาว 162.35 x กว้าง 74.85 x หนา 7.69 มม., น้ำหนัก 190 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ          ความจุแบตเตอรี่ 4,800 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                            จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด                      6.67 นิ้ว, 394 ppi, 1,080 x 2,400 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                กล้องหลัง (64 Mpx), กล้องหน้า (50 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)             Qualcomm Snapdragon 695
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)
   หน่วยความจำ (RAM)                 8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                  USB
   ระบบรับส่งข้อความ                      -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                3G, WiFi, 4G, 5G

วีโว่ vivo V29e (12GB/256GB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/vivo/

14
โอ๊ยเครียด!! อยู่ๆ ก็ "โดนทุบรถ" ซึ่งอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเราเอง ไปจอดรถในที่ที่ไม่ควรจอด จึงทำให้คนที่ไม่พอใจ หรือได้รับความเดือนร้อนจากการจอดรถผิดที่ของเรา นำค้อน ไม้ หรือก้อนหินมาทุบรถเรา ทำให้เกิดความเสียหาย โดยเหตุการณ์ฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุแบบนี้ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ซ้ำร้ายถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่รถเราหมดประกันพอดี และยังไม่ได้มีการต่อประกันภัยรถยนต์ เงินเก็บที่จะเอาออกมาใช้จ่ายยามฉุกเฉินก็ไม่มี ส่งผลทำให้เราตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงินขาดสภาพคล่อง รถก็ต้องใช้ในการประกอบอาชีพ ไม่ซ่อมก็ไม่ได้ คำถามที่ตามมาคือ...เราจะหาเงินจากที่ไหนมาซ่อมรถ ที่สามารถผ่อนส่งได้ ดอกเบี้ยถูก อนุมัติเร็ว เบิกถอนที่ไหนก็ได้


แหล่งเงินกู้ที่สามารถนำมาใช้ยามฉุกเฉิน ปัจจุบันก็มีอยู่มากมายหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทไฟแนนซ์ ต่างก็มีผลิตภัณฑ์เงินกู้ฉุกเฉินออกมาบริการให้กับลูกค้าที่มีความจำเป็นใช้เงินทุกคน แต่สิ่งที่ต้องบอกและย้ำกันอยู่เสมอในทุกๆ การกู้เงินนั้น แหล่งเงินกู้ที่เราไม่ควรข้องเกี่ยวนั่นก็คือ "เงินกู้นอกระบบ" เพราะนอกจากจะทำให้เราต้องจ่ายดอกเบี้ยในจำนวนที่มากสุด โหดสุดแล้ว อาจจะทำให้เรามีปัญหาทางการเงินวนเวียนแบบไม่รู้จบก็เป็นได้ ดังนั้น วันนี้จะขอนำเสนอทางเลือกในการกู้เงินฉุกเฉินยามจำเป็น ที่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราต่ำ สามารถผ่อนชำระได้ในระยะยาว เบิกถอนง่าย อนุมัติเร็ว และตอบโจทย์ทุกการใช้เงิน

ประเภทเงินกู้แบบไหน...น่าสนใจที่สุดสำหรับวงเงินฉุกเฉิน?
จากเหตุการณ์ "โดนทุบรถ" ข้างต้น เงินกู้ที่เหมาะสำหรับเป็นทางเลือกก็คือ "สินเชื่อบุคคล" ซึ่งสินเชื่อบุคคลนี้เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินบริการให้แก่บุคคลธรรมดาเอาไปซื้อสินค้าและบริการเพื่อการบริโภค โดยไม่ต้องมีหลักประกัน และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. (ธนาคารแห่งประเทศไทย) สินเชื่อบุคคลนี้ก็มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น (1)ทำสัญญาและรับเงินไปทั้งก้อน (2)ทำสัญญาเพื่อรับวงเงินหมุนเวียนแล้วใช้ บัตรกดเงินสด ทยอยกดเงินออกมาเท่าที่ต้องการจะใช้ในแต่ละครั้ง หรือ (3)ทำสัญญาเช่าซื้อสินค้าเป็นรายชิ้น โดยสถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่อสามารถอนุมัติวงเงินให้ผู้ขอสินเชื่อแต่ละรายได้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลังไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งสถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่อจะเป็นคนกำหนดว่ารายได้หรือเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเฉลี่ยเท่าไหร่ถึงจะรับพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้

สำหรับอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 28% ต่อปี โดยคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก อีกทั้งสถาบันการเงินผู้ให้สินเชื่ออาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นตามที่จ่ายจริงและเห็นสมควรได้ เช่น ค่าติดตามทวงถามหนี้ ค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น
รายละเอียดของสินเชื่อทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน!!

1. สินเชื่อส่วนบุคคล (รับเงินไปทั้งก้อน)
เป็นสินเชื่อที่เมื่อได้รับการอนุมัติวงเงินแล้ว สถาบันการเงินผู้ให้สินเชื่อจะโอนเงินกู้ทั้งจำนวนเข้าบัญชีของผู้กู้ และผู้กู้จะต้องทยอยผ่อนชำระเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆ กัน เป็นการกำหนดงวดชำระอย่างชัดเจน เช่น 6 เดือน 12 เดือน หรือ 24 เดือน เป็นต้น จนครบตามกำหนดเงื่อนไขในสัญญา โดยทางสถาบันการเงินผู้ให้กู้จะเริ่มคิดดอกเบี้ยทันทีที่จำนวนเงินถูกโอนเข้าบัญชี ซึ่งจะเป็นการคิดคำนวณดอกเบี้ยเป็นรายวันแบบลดต้นลดดอก ถึงแม้ผู้กู้จะยังไม่ได้มีการถอนเงินออกมาใช้ก็ตาม

2. สินเชื่อบัตรกดเงินสด (ทยอยกดเงินออกมาใช้เท่าที่ต้องการ)
เป็นการใช้บัตรที่มีลักษณะการใช้งานเหมือนกับบัตร ATM ด้วยการเบิกถอนเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติตามวงเงินที่กำหนดจากการนำบัตรสินเชื่อไปกดเงินออกจากตู้ ATM ได้ทันที ซึ่งสินเชื่อ บัตรกดเงินสด นี้จะมีการคิดดอกเบี้ยจากวงเงินที่เรากดออกมาใช้ คำนวณแบบลดต้นลดดอก กดมาเท่าไหร่ก็คิดดอกเบี้ยตามวงเงินที่กดออกมาเท่านั้น หรือที่เข้าใจกันว่า "ไม่ใช้ ก็ไม่เสีย" นั่นเอง

3. สินเชื่ออเนกประสงค์แบบมีหลักประกัน
เป็นสินเชื่อที่ผู้ขอสินเชื่อต้องเอาทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันในการกู้เงิน เช่น ที่อยู่อาศัย รถยนต์ บัญชีเงินฝาก บำเหน็จตกทอด พันธบัตร เป็นต้น ซึ่งวงเงินที่ได้รับอนุมัติจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากหลักประกันตามมูลค่าตลาด ณ เวลานั้น ร่วมกับความสามารถในการผ่อนชำระ และระยะเวลาการผ่อนชำระ โดยการคิดดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่ออเนกประสงค์แบบมีหลักประกันมักจะคิดแบบลดต้นลดดอก (ยกเว้นสินเชื่อที่ใช้รถยนต์เป็นหลักประกัน ที่จะคิดแบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate))

เปรียบเทียบ 3 สินเชื่อบุคคล แบบไหนดี แบบไหนเหมาะกับสถานการณ์ "โดนทุบรถ" มากที่สุด!!
หลังจากที่พอจะเข้าใจในรายละเอียดของสินเชื่อบุคคลในแต่ละรูปแบบแล้ว เรามาดูต่อกันเลยว่าสินเชื่อบุคคลแบบไหนดี แบบไหนเหมาะกับสถานการณ์ข้างต้นด้วยการเอาสินเชื่อทั้ง 3 แบบนี้มาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ เลยว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นเราควรเลือกที่จะใช้สินเชื่อบุคคลแบบใด


ทางเราขอแนะนำเป็น "สินเชื่อบัตรกดเงินสด" เพราะสินเชื่อบุคคลรูปแบบนี้เหมาะกับการใช้วงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ตลอดเวลาที่เกิดจากสถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดมาก่อนในทุกกรณีเร่งด่วน ซึ่งมีการใช้งานง่าย เบิกถอนได้จากตู้ ATM ทั่วไป ต้องการใช้วงเงินเท่าไหร่ก็ถอนออกมาเท่านั้น เสียดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ถอนออกมาใช้ แถมยังเป็นการคิดคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอีกด้วย สามารถผ่อนชำระขั้นต่ำเป็นงวดๆ โดยมีให้เลือก 3 - 5% ของยอดค้างชำระทั้งหมด (ตามเงื่อนไขของธนาคาร)ได้ตามความต้องการของผู้กู้


เลือกสินเชื่อบัตรกดเงินสดจากธนาคารไหนดีที่สุด
สถาบันการเงินในปัจจุบันได้ให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บัตรกดเงินสด แทบจะทุกธนาคาร ซึ่งคุณสมบัติการสมัคร ลักษณะการใช้งาน วงเงินอนุมัติ หรือแม้แต่อัตราดอกเบี้ยก็จะใกล้เคียงกัน เนื่องจากต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้กำหนดไว้ในประกาศ แต่ที่มีความแตกต่างเพื่อให้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บัตรกดเงินสด นั้นน่าสนใจมากกว่าคู่แข่ง นั่นก็คือ "โปรโมชั่น" ที่จะมีการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดสินเชื่อ ใช้เป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจบริการด้วยการสมัครสินเชื่อ บัตรกดเงินสด ของธนาคารนั้น

เห็นแบบนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะรู้รายละเอียดของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บัตรกดเงินสด ของแต่ละธนาคารที่เราได้นำเสนอเป็นตัวอย่างในภาพแล้วใช่มั้ยคะ?


1. บัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิต (Citi Ready Credit) ธ.ซิตี้แบงก์

บัตรกดเงินสด ของซิตี้แบงค์มีชื่อว่า "บัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิต" สโลแกนว่า "บัตรเดียวจบ ครบทุกความต้องการเรื่องเงินสด" ซึ่งคนที่จะสมัครสินเชื่อบัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิต นี้ได้ จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
มีสัญชาติไทย อายุขั้นต่ำ 20 ปี
มีรายได้อย่างน้อย 15,000 บาทขึ้นไป
   
สิทธิประโยชน์หลักของบัตรที่เด่นๆ คือ
กดเงินฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียมทุกตู้ ทุกธนาคาร ทั่วประเทศ และอีกกว่า 20,000 ตู้ซิตี้ใน 42 ประเทศทั่วโลก
โทรสั่งเงินได้ 24 ชั่วโมง และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีภายใน 1 วัน หลังจากได้รับอนุมัติ เลือกจ่ายคืนขั้นต่ำ หรือจ่ายคืนเท่ากันทุกเดือน
ผ่อนชำระสินค้า ดอกเบี้ย 0% ได้นานสูงสุด 24 เดือน (นานกว่าบัตรเครดิต) หรือเลือกผ่อนชำระแบบมีดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ 4 - 48 เดือน
วงเงินสูงถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรือสูงสุด 1,000,000 บาท
ลูกค้าใหม่ สามารถกดเงินสดฟรี ดอกเบี้ย 0% 3 รอบบัญชีแรก (ยอดเงิน 50,000 บาท)
ฟรีค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มทุกธนาคารทั่วประเทศและทั่วโลก
ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี
ฟรีค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน

โปรโมชั่นสมัครออนไลน์ ในการสมัครบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต
เมื่อมียอดกดเงินสดผ่านบัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิตครบ 5,000 บาท ภายใน 60 วันหลังได้รับอนุมัติบัญชีฯ หรือมีรายการแบ่งชำระผ่านระบบ Citi Paylite หรือ สมัครโปรแกรมเงินสดโทรสั่งได้อย่างน้อย 1 รายการ รับกระเป๋าเดินทาง Premium Trolley Bag ขนาด 20 นิ้ว มูลค่า 5,790 บาท

บัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต เหมาะกับใคร?
คนที่ต้องการความคล่องตัวด้านการเงินตลอดเวลา
ต้องการมีวงเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
คนที่ชอบเดินทางต่างประเทศและไม่พกเงินสดมาก
คนที่ชอบผ่อนชำระสินค้าดอกเบี้ย 0% นานกว่า 10 เดือน

   
2. สินเชื่อบัตรกดเงินสดยูโอบี แคชพลัส (Cash Plus) ธ.ยูโอบี

บัตรกดเงินสด ยูโอบี แคชพลัส พร้อมให้คุณมีเงินสดสำรองพร้อมใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ให้วงเงินสำรองสูงสุดถึง 1,000,000 บาท เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน พร้อมใช้ในทุกสถานการณ์ เหมือนมีเงินสดติดตัวตลอดเวลา สามารถเบิกถอนเงินสดได้ที่ตู้ ATM ทั่วไทยและทั่วโลก (ที่มีเครื่องหมาย Plus) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
คุณสมบัติผู้สมัคร มีดังนี้
บุคคลธรรมดาสัญชาติไทยอายุ 20 - 60 ปี
รายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
อายุงานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

สิทธิประโยชน์ยูโอบี แคชพลัส
สมัครเพียงครั้งเดียว ใช้วงเงินได้ตลอดชีพ
เบิกถอนเงินสดจากตู้ ATM ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน
เลือกชำระคืนขั้นต่ำเพียง 500 บาท หรือ 5% ของยอดคงค้างชำระ
คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และคิดตามวันที่ใช้จริงเท่านั้น


3. บัตรกดเงินสดแคช คาร์ด (KK Cash Card) ธ.เกียรตินาคิน

บัตรกดเงินสด แคช คาร์ด เป็นเงินสดพร้อมใช้ กดฟรีทันใจทั่วโลก สมัครง่าย มอบความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุมูลค่า 100,000 บาท โดยคุณสมบัติผู้สมัคร คือ
สัญชาติไทย อายุ 20 - 60 ปี
มีรายได้ประจำรวมต่อเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป
มีอายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
ต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวกทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

สิทธิพิเศษในบัตรฯ
ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ หรือบุคคลค้ำประกัน
กดเงินสดได้ทุกที่ จากตู้เอทีเอ็ม ที่มีเครื่องหมาย ATM Pool
จ่ายชำระค่าสินค้า/บริการ ได้ทุกร้านค้าที่มีเครื่องหมาย Union Pay
สามารถชำระคืนขั้นต่ำเพียง 5% ของเงินต้นรวมดอกเบี้ยหรือไม่น้อยกว่า 500 บาท
มีช่องทางจ่ายชำระคืนได้หลายช่องทาง
มีประกันภัยอุบัติเหตุมูลค่า 100,000 บาท คุ้มครอง 1 ปี
ฟรีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดตลอดชีพ


4. บัตรกดเงินสด ทีเอ็มบี เรดดี้แคช (TMB Ready Cash) ธ.ทหารไทย

บัตรกดเงินสดทีเอ็มบี เรดดี้แคช ให้คุณพร้อมกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถเสีย คอมพิวเตอร์พัง เจ็บป่วยกระทันหัน หรือร้านค้าบางที่ไม่รับบัตรเครดิต จำเป็นต้องใช้เงินสด แต่มีเงินในกระเป๋าไม่พอ บัตรกดเงินสดนี้ก็จะเป็นเหมือนกระเป๋าตังค์อีกใบไว้ให้ใช้ในยามฉุกเฉิน กดได้ทันทีจากตู้ ATM กว่า 42,000 ตู้ทั่วประเทศที่มีเครื่องหมาย ATM POOL โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดใดๆ และคุณสมบัติของผู้สมัคร ได้แก่
อายุอยู่ระหว่าง 20 - 59 ปี
รับเงินเดือนผ่านการโอนเข้าบัญชี โดยมีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท
ทำงานที่ปัจจุบันตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป

สิทธิในบัตรกดเงินสดฯ
ได้รับวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 30,000 - 1,000,000 บาท หรือไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ประจำต่อเดือน
สามารถชำระคืนเพียง 5% ของยอดหนี้ แต่ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อรอบบัญชี
ดอกเบี้ยคิดแบบลดต้นลดดอก และตามจำนวนวันที่ใช้จริง


5. บัตรกดเงินสดแฟลช พลัส (FLASH Plus) ธ.ธนชาต

บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH Plus เป็นครั้งแรกและหนึ่งเดียวที่ให้เลือกพักการผ่อนได้ 1 เดือนใน 1 ปี เพื่อมอบสิทธิพิเศษนี้ให้กับลูกค้าที่ผ่อนชำระดีกับธนาคาร โดยคุณสมบัติผู้สมัคร มีดังนี้
อายุตั้งแต่ 20 - 60 ปี
รายได้ประจำต่อเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป
อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี
สัญชาติไทยเท่านั้น
มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH Plus (ตั้งแต่ 1 ก.พ. - 31 ก.ค. 61)
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่เมื่อสมัครและได้รับอนุมัติบัตรสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH Plus พร้อมสมัครใช้บริการโอนเงินผ่อนสบาย (Sabai Cash) โดยผู้สมัครต้องเป็นบุคคลที่ไม่เคยถือบัตรสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH Plus หรือ บัตรสินเชื่อบุคคลนครหลวงไทย หรือ กรณียกเลิกบัตรเดิมและสมัครบัตรใหม่ ต้องยกเลิกบัตรเดิมไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันที่สมัครบัตรใหม่ รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 3 รอบบัญชี สำหรับการเลือกงวดผ่อนชำระ 24, 36, 48, 60 งวด โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้เริ่มนับจากวันที่โอนเงินเข้าบัญชี เป็นเวลา 3 รอบบัญชี และตั้งแต่รอบบัญชีที่ 4 เป็นต้นไปดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ 20-26% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร สำหรับการเลือกงวดผ่อนชำระ 6 และ 12 งวด อัตราดอกเบี้ยจะถูกเรียกเก็บแบบลดต้นลดดอกที่ 20-26% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร

รับของกำนัลพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรสินเชื่อบุคคล FLASH Plus และได้รับอนุมัติบัตร ภายในระยะเวลาส่งเสริมการขาย โดยผู้สมัครต้องเป็นบุคคลที่ไม่เคยถือบัตรสินเชื่อบุคคลธนชาต FLASH Plus หรือ บัตรสินเชื่อบุคคลนครหลวงไทย หรือ กรณียกเลิกบัตรเดิม และสมัครบัตรใหม่ต้องยกเลิกบัตรเดิมไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันที่สมัครบัตรใหม่

- ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัลเทสโก้โลตัส มูลค่า 100 บาท จำนวน 1 ใบ เมื่อมียอดเบิกถอนเงินสดจากช่องทาง ATM หรือ Cash Transfer ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับอนุมัติบัตร และมียอดคงค้าง ณ วันปิดรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ในแต่ละรอบภายในระยะเวลา 2 รอบบัญชี

- ต่อที่ 2 รับกระเป๋าล้อลาก Caggioni มูลค่า 4,990 บาท จำนวน 1 ใบ เมื่อมียอดเบิกถอนเงินสดจากช่องทาง ATM หรือ Cash Transfer ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ภายใน 60 วันนับจากวันที่ได้รับอนุมัติบัตร และมียอดคงค้าง ณ วันปิดรอบบัญชีไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ในแต่ละรอบภายในระยะเวลา 2 รอบบัญชี
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้บริการโอนเงินผ่อนสบาย (Sabai Cash) ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับอนุมัติบัตร รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 12.99% นาน 3 รอบบัญชี สำหรับการเลือกงวดผ่อนชำระ 24, 36, 48, 60 งวด โดยอัตราดอกเบี้ยพิเศษนี้เริ่มนับจากวันที่โอนเงินเข้าบัญชี เป็นเวลา 3 รอบบัญชี และตั้งแต่รอบบัญชีที่ 4 เป็นต้นไปดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกที่ 20-26% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร สำหรับการเลือกงวดผ่อนชำระ 6 และ 12 งวด อัตราดอกเบี้ยจะถูกเรียกเก็บแบบลดต้นลดดอกที่ 20-26% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร
ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หากลูกค้าผิดนัดชำระหนี้ หรือชำระน้อยกว่าขั้นต่ำที่ระบุในใบแจ้งหนี้ โดยธนาคารจะคำนวณอัตราดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยปกติที่ลูกค้าได้รับในรอบบัญชีถัดไปโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการโอนเงินผ่อนสบาย (Sabai Cash) และชำระหนี้ให้ธนาคารเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลา 12 เดือนนับแต่วันที่ลูกค้าได้รับการโอนเงินเข้าบัญชี และกรณีที่ลูกค้าเลือกผ่อนชำระ 6 เดือน และ ชำระหนี้ให้ธนาคารเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ลูกค้าได้รับการโอนเงินเข้าบัญชี  ธนาคารสงวนสิทธิ์ในการปรับอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเดิมที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และ/หรือใบแจ้งยอดบัญชี เป็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดที่ 28% ต่อปี โดยเริ่มคำนวณนับตั้งแต่วันที่ลูกค้าได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีจนถึงวันที่ลูกค้าชำระหนี้คืนให้ธนาคารเสร็จสิ้น โดยลูกค้าจะต้องชำระส่วนต่างของดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นให้แก่ธนาคารก่อนวันครบกำหนด

สุดท้ายนี้ หลายคนคงเห็นถึงความจำเป็นของสินเชื่อส่วนบุคคลบ้างแล้วนะคะ ซึ่งก็มีทั้ง สินเชื่อบุคคลที่รับเงินไปทั้งก้อน สินเชื่อบัตรกดเงินสด และสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยการใช้งานของสินเชื่อแต่ละประเภทก็แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคนว่าจำเป็นจะต้องใช้งานสินเชื่อแบบไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด จำไว้นะคะว่า เราควรเลือกที่จะกู้สินเชื่อที่เหมาะกับเราที่สุด ไม่ใช่เลือกสินเชื่อที่ดีที่สุด เพราะเมื่อเราทำเรื่องขอกู้เงินแล้ว ภาระการใช้เงินจะเกิดขึ้นกับเราทันที และที่สำคัญ...อย่าเพลินกับการใช้วงเงินจากสินเชื่อที่เราขอกู้มาจนเป็นเหตุทำให้เราต้องตกอยู่ในภาวะการเป็นหนี้แบบไม่รู้จบนะคะ


รถแลกเงิน: "โดนทุบรถ" ประกันก็ไม่ได้ต่อ เงินเก็บก็ไม่มี แล้วจะหาสินเชื่อจากไหนมาซ่อมรถดี อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111512

15
สำหรับสายปาร์ตี้แล้วการสังสรรค์กับเพื่อนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ก็อย่าสนุกสุดเหวี่ยงจนลืมความปลอดภัยของตัวเอง วันนี้เรามี วิธีแก้เมาค้าง มาฝาก เผื่อว่าจะช่วยให้อาการมึน งง ปวดหัว ดีขึ้นและยิ่งในคนที่ต้องเดินทางไกล การหาทางออกเพื่อให้ตัวเองสดชื่นสำคัญมาก เพราะนั่นคือควาปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน เราไปดูกันว่าหลังจากการฉลองปาร์ตี้จบลงต้องทำอย่างไรเมื่อมีอาการเมาค้าง

 

อาการเมาค้างเป็นอย่างไรและคืออะไรกัน

เพื่อให้แก้ปัญหาตรงจุดคุณควรรู้ว่าอาการเมาค้างคืออะไรและหากมีอาการเหล่านี้จะต้องแก้ไขอย่างไร สำหรับอาหารเมาค้างคือ อาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายได้รับแอลกอฮอล์เข้าไป อาการจะแสดงออกมามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงตื่นเข้ามา ก่อนที่จะไปรู้ วิธีแก้เมาค้าง  เราไปดูอาการกันว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้

    เมื่อตื่นขึ้นมามักจะมีอาการเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น ปวดศีรษะ
    รู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำ
    มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
    ในบางคนนอนไม่ค่อยหลับ
    เมื่อตื่นมีอาการวิงเวียนศีรษะ


รวม วิธีแก้เมาค้าง ก่อนเดินทาง

            แม้ว่าจะไม่มียาใด ๆ มาลดอาการเมาค้างได้ให้หายทันที 100% แต่ก็ยังมีทางออกในการลดอาการเหล่านั้นให้น้อยลงได้และยิ่งใครต้องเดินทางกลับบ้านหรือไปทำงาน ทริกที่เรากำลังจะนำเสนอจะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน ไปดูกันว่าต้องทำอย่างไร

    เพื่อล้างสารพิษหรือแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายให้เหลือน้อยที่สุด การเลือกดื่มน้ำเปล่าครั้งละ 1-2 แก้ว บ่อย ๆ หรือในบางคนอาจจะเลือกดื่มชาร่วมด้วย เพราะคุณสมบัติของใบชามีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อน ๆ ทำให้ร่างกายได้ขับสารพิษออกนั่นเอง
    ลดอาการเมาค้างด้วยการเลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ และมีอุณภูมิร้อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก เป็นต้น
    ด้วยความที่ร่างกายสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุจากการแอลกอฮอล์ วิธีแก้เมาค้าง จึงควรดื่มน้ำผักและผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน หากไม่มีผลไม้สด ๆ ก็สามารถใช้วิตามินชนิดเม็ดฟู่ละลายน้ำดื่มก็ไช่นกัน
    น้ำขิง ชามินต์ สองเครื่องดื่มนี้สามารถลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
    นอกจากเครื่องดื่ม ผลไม้แล้วหากมีอาการเมาค้าง สามารถกินวิตามินอาหารเสริมที่มีวิตามินบีรวม วิตามินซี แมกนีเซียม และกรดอะมิโนแอล-ซีสเทอีน (L-Cysteine) มีส่วนช่วยลดอาการต่าง ๆ ได้
    หลังจากดื่มมาหนักนอกจากจะเวียนหัว อาเจียนแล้ว หากพบว่าตัวเองมีอาการอื่น ๆ อย่างเช่น ปวดหัว ตัวร้อน สามารถทานยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่มีสเตียรอยด์ได้
    อาจเป็นตัวช่วยในเรื่องของการทำให้คุณตื่นตัวชั่วขณะเท่านั้น แต่หากหมดฤทธิ์แล้ว คุณอาจกลับมาเพลียเช่นเดิม

 
ก่อนดื่มต้องรู้วิธีเตรียมไม่ให้แฮงค์

            ใครที่เป็นสายปาร์ตี้จะรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนแฮงค์ง่ายหรือไม่และมักมีทางป้องกันเสมอ แต่ในคนที่ไม่รู้มาก่อน วันนี้เรามีทริกเด็ดมาแนะนำ สำหรับการเตรียมตัวไม่ให้แฮงค์หนัก ดังนี้

    ควรหาอะไรทานก่อนที่จะดื่มแอลกอฮอล์ เพราะหากคุณปล่อยให้ท้องว่างจะยิ่งทำให้เมาง่าย ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดตก ฉะนั้นหากสังเกตให้ดี ๆ จะพบว่าในกลุ่มคนปาร์ตี้มักจะสั่งอาหารหรือกลับแกล้มมาควบคู่การดื่ม
    ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ๆ ควรเครื่องดื่มหรือ มิกเซอร์ จากนั้นค่อย ๆ จิบไปเรื่อย ๆ
    แม้ว่าคุณจะดื่มแอลกอฮอล์หนักแค่ไหน ควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว ทุก ๆ ชั่วโมง เพื่อลดระดับแอลกฮอล์ในเลือด ถือเป็นการทดแทนน้ำที่เสียไปกับปัสสาวะ

            อย่างไรก็ตามนอกจากจะรู้ วิธีแก้เมาค้าง ไม่ให้แฮงค์แล้วควรรู้ไว้เลยว่าการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งทางสมอง เกิดไขมันสะสมที่ตับ ไม่เพียงเท่านี้หากดื่มบ่อย ๆ เป็นการเพิ่มโอกาสให้ตับเกิดสะสมสารพิษนำไปสู่ตับอักเสบ เกิดพังผืดที่ตับ จนกลายเป็นโรคตับแข็งนั้นเอง แม้ว่าคุณจะต้องเข้าสังคมหรือเป็นสายปาร์ตี้ก็ไม่ควรดื่มบ่อย ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ


ไม่อยากเมาค้างก่อนเดินทางต้องทำอย่างไร

            วิธีที่แก้ง่ายที่สุดเมื่อรู้ว่าต้องเดินทางคือไม่ควรดื่มเลย แต่หากเลี่ยงไม่ได้ก็สามารถหาวิธีป้องกัน เพื่อที่จะได้สนุกกับเพื่อน ๆ และไม่แฮงค์เมื่อตื่นมา โดยจะมีวิธีดังนี้

    เลือกลับแกล้มที่มีไขมันก่อนดื่ม การกินอาหารก่อนดื่ม เป็นทริกที่ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้ช้าลง แต่ถ้าจะให้ดีควรทานเป็นไขมันดี อย่างอะโวคาโด แต่หากหาทานไม่ได้ก็สามารถสั่งเมนูทอด ๆ มาทานก็ได้
    เลือกทานเมนูที่มีส่วนประกอบของไฟเบอร์สูง ๆ เพราะอาหารประเภทนี้มีเส้นใยสูงจะช่วยดูดซับแอลกอฮอล์และชะลอไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว
     
    ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ผสมกัน แน่นอนว่าหากทานหลาย ๆ ยี่ห้อปสมกันส่งผลทำให้เมาง่าย
     
    แก๊สกับแลอกอฮอล์ไม่ควรดื่มคู่กัน หมายถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการผสมโซดาหรือน้ำอัดลม เพราะตัวแก๊สนี่แหละที่จะเป็นตัวทำให้ดูดซึมแอลกอฮอล์ได้มากขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่ากระเพาะขยาย
     
    ควรดื่มน้ำเปล่าสลับทุก ๆ ชั่วโมง อย่างที่ทราบกันว่าในการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ นี่ถือเป็น วิธีแก้เมาค้าง และป้องกัน เพราะน้ำจะเข้าไปช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย


ยาแก้เมาเหล้า: เคล็ดลับสายปาร์ตี้ วิธีแก้เมาค้าง ให้เดินทางไหวอย่างปลอดภัย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

หน้า: [1] 2 3 ... 10














































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า